8 เดือน ปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทย 100,062 ล้านบาท ญี่ปุ่นยังครองที่หนึ่ง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย 8 เดือน ปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทย 100,062 ล้านบาท ญี่ปุ่น ยังอันดับหนึ่ง 136 ราย มูลค่าลงทุน 53,176 ล้านบาท ขณะที่ EEC มีเข้ามา จำนวน 163 ราย คิดเป็น 30% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปีนี้
วันที่ 1 ตุลาคม 2567 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เปิดเผยว่า ช่วง 8 เดือนของปี 2567 (มกราคม-สิงหาคม) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 535 ราย
โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 143 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน
หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 392 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 100,062 ล้านบาท จ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 2,505 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่
1) ญี่ปุ่น 136 ราย คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 53,176 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
* ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม โดยเป็นการออกแบบทางวิศวกรรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์
* ธุรกิจโฆษณา
* ธุรกิจบริการซ่อมแซมหินเจียร ใบหินตัด ใบเลื่อย เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีส่วนประกอบทำด้วยเพชร
* ธุรกิจบริการให้ใช้แอปพลิเคชั่นสำหรับส่งเสริมการรักษาสุขภาพ
* ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (อาทิ ผลิตชิ้นส่วนประกอบถุงลมนิรภัย, ชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป, ชิ้นส่วนยานพาหนะ)
2) สิงคโปร์ 82 ราย คิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 8,438 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
* ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิคสำหรับธุรกิจน้ำมันและก๊าซ เช่น การตรวจสอบ การทดสอบ และการวัด การรับรอง การสอบทาน การออกแบบทางวิศวกรรม การให้คำปรึกษาด้านเทคนิค และการฝึกอบรม เป็นต้น
* ธุรกิจโฆษณา โดยการให้ใช้พื้นที่บนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน
* ธุรกิจบริการติดตั้งและทดสอบเกี่ยวกับการวางระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก
* ธุรกิจจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับสำรวจความคิดเห็นและวิเคราะห์ข้อมูล
* ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (อาทิ อุปกรณ์สำหรับเครื่องจักร ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะ ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์แยกแสงสัญญาณพีแอลซี)
3) สหรัฐอเมริกา 76 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 3,589 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
* ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมในการให้คำปรึกษาแนะนำทางเทคนิคและฝึกอบรมเกี่ยวกับการบำรุงรักษา การซ่อมแซม การเปลี่ยนอุปกรณ์เสริมและเครื่องยนต์ของเครื่องบินพาณิชย์
* ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (อาทิ รถสกูตเตอร์ไฟฟ้าและยานพาหนะไฟฟ้า เครื่องมือส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือแพทย์ เคมีภัณฑ์และยา)
* ธุรกิจโฆษณา
* ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาและแนะนำในการประกอบธุรกิจในด้านต่าง ๆ
* ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (พวงมาลัยรถยนต์ / DRUM BRAKE ASSEMBLY)
4) จีน 68 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 8,350 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
* ธุรกิจบริการที่ให้แก่บริษัทในเครือ หรือบริษัทในกลุ่ม (บริการให้เช่าพื้นที่อาคารโรงงาน)
* ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วน สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
* ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ เช่น ระบบบริหารจัดการงานอีเว้นท์ แอปพลิเคชันค้นหาและสร้างสังคมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับงานอีเวนต์ฺ เป็นต้น
* ธุรกิจบริการตัดโลหะ (Coil Center)
* ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะ ลูกกลิ้งสำหรับพิมพ์หรืออัดลาย ฟิล์มพลาสติก เครื่องจักรอัตโนมัติที่มีขั้นตอนออกแบบระบบควบคุมการปฏิบัติงานด้วยสมองกลเอง)
5) ฮ่องกง 40 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 12,330 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
* ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
* ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับคุณสมบัติ วิธีการใช้และการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินค้าประเภทยารักษาโรคและวัคซีนที่ใช้สำหรับสัตว์
* ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
* ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะ ชิ้นส่วนสำหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ Printed Circuit Board Assembly (PCBA))
* ธุรกิจบริการให้ใช้แอปพลิเคชันเพื่อสมัครและติดตามผลการขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
อย่างไรก็ดี ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้นมีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับทักษะการขุดเจาะวางท่อในแนวราบด้วยวิธีการที่ไม่รบกวนผิวดิน องค์ความรู้เกี่ยวกับมาตราการความปลอดภัยชีวภาพในระดับฟาร์ม องค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของแพตฟอร์มเช่าซื้อ องค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้ การตรวจสอบ ติดตั้ง และซ่อมแซมเครื่องมือแพทย์อัลตราซาวด์ เป็นต้น
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (2566) พบว่าการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 101 ราย คิดเป็นร้อยละ 23 (เดือน ม.ค.-ส.ค. 67 อนุญาต 535 ราย/เดือน ม.ค.-ส.ค. 66 อนุญาต 434 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 34,278 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 52 (เดือน ม.ค.-ส.ค. 67 ลงทุน 100,062 ล้านบาท/เดือน ม.ค.-ส.ค. 66 ลงทุน 65,784 ล้านบาท)
ขณะที่มีการจ้างงานคนไทยลดลง 1,979 ราย คิดเป็นร้อยละ 44 (เดือน ม.ค.-ส.ค. 67 จ้างงาน 2,505 คน/เดือน ม.ค.-ส.ค. 66 จ้างงาน 4,484 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน
ลงทุนใน EEC :
นางอรมนกล่าวว่า สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ช่วง 8 เดือน ของปี 2567 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 163 ราย คิดเป็น 30% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 77 ราย (เพิ่มขึ้น 90%) (เดือน ม.ค.-ส.ค. 67 ลงทุน 163 ราย/เดือน ม.ค.-ส.ค. 66 ลงทุน 86 ราย)
และมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 32,573 ล้านบาท คิดเป็น 33% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 18,290 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 128%) (เดือน ม.ค.-ส.ค. 67 เงินลงทุน 32,573 ล้านบาท/เดือน ม.ค.-ส.ค. 66 เงินลงทุน 14,283 ล้านบาท)
ทั้งนี้ เป็นนักลงทุนจาก ญี่ปุ่น 53 ราย ลงทุน 11,749 ล้านบาท จีน 39 ราย ลงทุน 3,901 ล้านบาท ฮ่องกง 15 ราย ลงทุน 5,064 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ 56 ราย ลงทุน 11,859 ล้านบาท
โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ :
* ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม โดยเป็นการออกแบบทางวิศวกรรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์
* ธุรกิจบริการออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย
* ธุรกิจบริการซ่อมแซมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
* ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (อาทิ ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่ออุตสาหกรรม ชิ้นส่วนสำหรับยานพาหนะ ชิ้นส่วนสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น)
* ธุรกิจบริการบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ เช่น การวางแผนจัดหาและจัดซื้อชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 1 ตุลาคม 2567