กลุ่มยานยนต์หวั่นสงครามบานปลาย กระทบเป้าส่งออกรถยนต์
"สุรพงษ์" โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. หวั่นสงครามตะวันออกกลางบานปลาย กระทบส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนไทย
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สงคราม
ตะวันออกกลางในช่วงที่ผ่านมา หรือระยะหลังนี้มีการขยายการสู้รบมากขึ้น ทำให้การส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนเริ่มได้รับผลกระทบ โดยมีการส่งออกลดลงจากจำนวนเที่ยวเรือที่มารับลดลงและค่าขนส่งสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อมาดูว่าจะกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องติดตามต่อไปว่าจะขยายการสู้รบเพิ่มขึ้นกับอิหร่านมากน้อยแค่ไหนซึ่งอาจกระทบเป้าส่งออกปีนี้ได้
นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกปัจจัยที่มีผลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยคือ เงินบาทแข็งค่าและรถยนต์ไฟฟ้าที่ประเทศจีนส่งออกเพิ่มขึ้นก็มีส่วนทำให้การส่งออกรถยนต์ของประเทศไทยลดลงด้วย
"เราก็คงต้องติดตามค่าเงินของประเทศคู่แข่งว่าจะแข็งค่ามากน้อยกว่าค่าเงินบาทเท่าไร"
อนึ่งเป้าหมายการส่งออกรถยนต์ของไทยในปี 2567 ตั้งไว้ที่ 1,150,000 คัน โดยตัวเลขล่าสุด ตั้งแต่เดือนมกราคม – สิงหาคม 2567 ประเทศไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 688,633 คัน ลดลง 4.94 % เฉพาะเดือนสิงหาคม 2567 ไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 86,066 คัน ลดลง 1.70 %
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาเรื่องพื้นที่ในการเดินเรือไม่เพียงพอและล่าช้า นอกจากนั้นแล้วปัญหาจากสงครามอิสราเอลกับฮามาสและปัญหาสิ่งสกปรกในท่าเรือที่ติดในรถกระบะที่เตรียมขับขึ้นเรือ ทำให้การผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกลดลง 12.92 % และส่งออกลดลงในตลาดออสเตรเลีย แอฟริกา ยุโรป
"เรายังคงต้องติดตามสถานการณ์สงครามตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าเหตุการณ์บานปลายก็ดูว่าจะลุกลามกระทบกับเราหรือไม่ "
ที่มา ฐานเศรษกิจ
วันที่ 3 ตุลาคม 2567