เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สมัชชาแห่งชาติ หรือรัฐสภาเวียดนาม ได้โหวตเลือกนายพลเลือง เกือง อายุ 67 ปี ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของเวียดนาม แทนนายโต เลิม ผู้ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเวียดนามเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนที่นายโต เลิม จะขึ้นดำรงตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลสูงสุดของประเทศนั่นคือ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เมื่อเร็วๆ นี้ หลังการถึงแก่อสัญกรรมของนายเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนก่อนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

 

โดยนายพลเกืองได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ด้วยเสียงสนับสนุนจากผู้แทนที่เข้าร่วมในการประชุมสมัชชาแห่งชาติในวันนี้ทั้ง 440 เสียง ส่งผลให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 4 ของเวียดนามภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี หลังเผชิญความวุ่นวายกับการจากไปและการปรับเปลี่ยนตำแหน่งทางการเมืองในเวียดนาม ท่ามกลางรณรงค์ปราบปรามการคอร์รัปชั่นอย่างกว้างขวางซึ่งนำไปสู่การลาออกของประธานาธิบดี 2 คน และประธานรัฐสภา 1 คน ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะมีการเลือกนายโต เลิม เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์

 

 

หลังการได้รับเลือกนายพลเกืองได้สาบานตนรับตำแหน่งในทันที เป็นความเคลื่อนไหวที่หลายฝ่ายตั้งตารอซึ่งคาดว่าจะสร้างเสถียรภาพให้กับการเมืองเวียดนาม

 

ทั้งนี้ ก่อนได้รับเลือก นายพลเกือง ดำรงตำแหน่งสำคัญในสำนักเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งทำให้เขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศ รองจากเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภา โดยนายพลเกืองยังเป็นสมาชิกในคณะโปลิตบุโร ซึ่งเป็นคณะทำงานที่มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามด้วย

 

อย่างไรก็ดี ในโครงสร้างอำนาจของเวียดนาม ตำแหน่งประธานาธิบดีมีอำนาจโดยตรงเพียงเล็กน้อย แต่จะมีบทบาทในเชิงพิธีการมากกว่า รวมถึงการเป็นตัวแทนประเทศในการพบปะบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ ขณะที่ตำแหน่งทรงอิทธิพลสูงสุดในประเทศเวียดนามซึ่งปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์นั้นคือตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 21 ตุลาคม 2567