IMF คาดช่วง 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจโลกพึ่งพา BRICS หนัก จีนนำโด่งรันการเติบโต
IMF คาดในช่วง 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจโลกจะพึ่งพากลุ่มบริกส์ (BRICS) หนักมาก จีนนำโด่งเป็นผู้ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ครองส่วนแบ่ง 21.7% ของการเติบโตทั้งโลก กลุ่มประเทศตะวันตกฐานะร่ำรวยลดบทบาทลง รวมถึงสหรัฐที่มีส่วนในการเติบโตของโลกน้อยกว่าอินเดีย
วันที่ 24 ตุลาคม 2024 ตามเวลาไทย บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะพึ่งพากลุ่มบริกส์ (BRICS) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต มากกว่ากลุ่มประเทศตะวันตกที่มีฐานะร่ำรวย
คาดการณ์ใหม่ล่าสุดของ IMF ซึ่งคำนวณบนฐานความเสมอภาคของอำนาจซื้อ (Purchasing power parity : PPP) คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้าจะมาจากกลุ่มประเทศ BRICS ที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง อย่างเช่น จีน อินเดีย รัสเซีย และบราซิล ในทางตรงกันข้าม การคาดการณ์การมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกของประเทศสมาชิกกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (G7) เช่น สหรัฐ เยอรมนี และญี่ปุ่น ถูกปรับลดลง
ตามการคำนวณของบลูมเบิร์กที่ใช้คาดการณ์ใหม่ของ IMF พบว่า จีนจะเป็นประเทศที่มีส่วนขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกสูงสุดในช่วง 5 ปีข้างหน้า (จาก 2024 ถึง 2029) โดยมีส่วนแบ่ง 21.7% ในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกโดยรวม ซึ่งมากกว่าทั้งกลุ่ม G7 รวมกัน และอินเดียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เติบโตเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนขับเคลื่อนการเติบโตเกือบ 14.8% ของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกทั้งหมดจากปี 2024 จนถึงปี 2029
นอกจากนั้น การคาดการณ์ของ IMF ยังแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกกำลังพึ่งพาประเทศตลาดเกิดใหม่มากขึ้น ไม่เพียงแค่ประเทศในกลุ่ม BRICS เท่านั้น โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ข้อมูลของ IMF คาดว่าอียิปต์จะช่วยเพิ่มการเติบโตให้เศรษฐกิจโลกได้ 1.7 จุดเปอร์เซ็นต์ (Percentage point) ซึ่งเท่ากับเยอรมนีและญี่ปุ่น ส่วนเวียดนามคาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนการเติบโต 1.4 จุดเปอร์เซ็นต์ เท่ากับฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร
บลูมเบิร์กระบุว่า การขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วง 25 ปีที่ผ่านมาทำให้สหรัฐเป็นประเทศที่มีส่วนสนับสนุนการเติบโตของโลกมากที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น สหรัฐก็ยังไม่สามารถรักษาส่วนแบ่งการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกเอาไว้ได้เมื่อเทียบกับของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอย่างอินเดียและจีน โดยสหรัฐจะมีส่วนแบ่งในการเติบโตของเศรษฐกิจโลก 11.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน
นอกจากนั้น คาดว่าสองประเทศที่เศรษฐกิจเล็กที่สุดในกลุ่ม G7 ซึ่งได้แก่แคนาดาและอิตาลี จะครองส่วนแบ่งในการเติบโตของจีดีพีโลกน้อยกว่า 1% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าประเทศที่ยากจนกว่ามากและมีประชากรมากกว่า อย่างเช่น บังกลาเทศ อียิปต์ และฟิลิปปินส์
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 24 ตุลาคม 2567