โพลเผย คนไทยมองเลือกตั้งสหรัฐ 2024 ส่งผลต่อนโยบายการค้า
สวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจ คนไทยมองการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2024 ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าระหว่างกัน และคาด “แฮร์ริส” ชนะการเลือกตั้ง
วันที่ 28 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2024” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,247 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 22-25 ตุลาคม 2567 พบว่ากลุ่มตัวอย่างสนใจติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 77 อยากให้สื่อนำเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง ให้ข้อมูลครบถ้วน ร้อยละ 67.74
โดยมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะส่งผลต่อไทยในด้านการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าระหว่างกัน ร้อยละ 73.70 หลังการเลือกตั้งเศรษฐกิจไทยก็น่าจะยังเหมือนเดิม ร้อยละ 57.02 โดยคิดว่าคามาลา แฮร์ริส (พรรคเดโมแครต) จะชนะการเลือกตั้ง ร้อยละ 43.06
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพลระบุว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สนใจติดตามข่าวการเลือกตั้ง
ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยคาดหวังให้สื่อไทยรายงานอย่างเป็นกลาง ครบถ้วน และวิเคราะห์ผลกระทบต่อประเทศเทศไทย ในด้านเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ คาดว่าคามาลา แฮร์ริสจะชนะ โดยมีคะแนนนำไม่เกิน 596 ซึ่งสอดคล้องกับผลโพลหลายสำนักในสหรัฐ จึงต้องจับตาดูว่าผลจริงจะเป็นอย่างไร
รองศาสตราจารย์ ดร.รุ่งภพ คงฤทธิ์ระจัน รองคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิตอธิบายว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะเกิดขึ้นได้รับความสนใจจากหลายประเทศรวมถึงไทย เนื่องจากผลกระทบของผู้นำสหรัฐคนใหม่ต่อเศรษฐกิจ การเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลเผยว่า 77.4796% ของคนไทยติดตามการเลือกตั้ง โดยสนใจทิศทางนโยบายเศรษฐกิจที่อาจมีต่ออาเชียน (73.70%)
หากคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตชนะ นโยบายการค้าเสรีระหว่างประเทศอาจขยายตัว โดยเฉพาะกับจีนและอาเขียน ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้การผลิตไทยเติบโต แม้ GDP ไทยจะคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% ในปี 2567 แต่อุตสาหกรรมการผลิตไทยอาจได้ประโยชน์หากท่าทีของแฮร์ริสสนับสนุนการค้าเสรี
ในทางกลับกัน หากโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันชนะ นโยบาย “America First” อาจกีดกันการค้ากับไทยด้วยภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นและเงื่อนไขทางการค้า ซึ่งจะส่งผลลบต่อภาคการผลิตและส่งออก รัฐบาลไทยจึงต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น การส่งเสริมการผลิตให้ทันสมัยและพัฒนาโครงสร้างการเงิน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมให้แข่งขันได้ในตลาดโลก
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 28 ตุลาคม 2567