ส่งออกตลาด "สหรัฐ" พุ่ง18.1%เงินเฟ้อทั่วโลกลดหนุนกำลังซื้อ
ตลาดส่งออกสหรัฐพุ่ง 18.1% ดันส่งออกไทยเดือน ก.ย.ขยายตัว 1.1 % โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 หลังเศรษฐกิจการค้าฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดทั้งปีได้ตามเป้า 2% ลุ้นโอกาสโตเกินกว่าเป้า ลุ้นทำสถิตนิวไฮมูลค่าส่งออกแตะ 290,000 ล้านดอลลาร์ สรท.เผยต้นทุนค่าระวางเรือนิ่งเอื้อเป้าส่งออก
การส่งออกสินค้าของไทยในเดือน ก.ย.2567 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเติบโตตามวัฏจักร เพราะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและราคาแข่งขันได้ อีกทั้งเศรษฐกิจในตลาดหลัก
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ รายงานการค้าระหว่างประเทศเดือน ก.ย.2567 พบว่าการส่งออกมีมูลค่า 25,983 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 1.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว ขยายตัวต่อเนื่องเป็น 3 เดือน หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำและยุทธปัจจัย ขยายตัว 3.1% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 25,589 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 9.9% เกินดุลการค้า 394.2 ล้านดอลลาร์
สำหรับสถิติ 9 เดือน ของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) การส่งออกมีมูลค่า 223,176 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว3.9% ขณะที่การนำเข้า มูลค่า 229,132 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.5% และขาดดุลการค้า 5,956 ล้านดอลลาร์
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สนค.กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกเดือน ก.ย.2567 ขยายตัวส่วนหนึ่งมาจากตลาดส่งออกหลักที่ยังเติบโต โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดอย่างสหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) เริ่มฟื้นตัวจากเงินเฟ้อที่คลี่คลายอุปสงค์ ซึ่งส่งผลให้การบริโภคเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ การส่งออกไปสหรัฐขยายตัวต่อเนื่อง โดยเดือน ก.ย.ปีนี้ มีมูลค่า 5,018 ล้านดอลลาร์ เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 18.1% รวมในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 40,611 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12.5% โดยปัจจุบันการส่งออกไปสหรัฐมีสัดส่วนถึง 18.2% ของการส่งออกไทยทั้งหมด ถือเป็นตลาดส่งอกอันดับ 1 ของไทย ในขณะที่การส่งออกไปสหรัฐปี 2566 มีมูลค่า 48,352 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 3.0%
นอกจากนี้ การส่งออกไปตลาดสหรัฐในเดือน ก.ย.ปีนี้ มีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง
ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์
จับตาเลือกตั้งสหรัฐกระทบส่งออก :
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า การส่งออกช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 (ต.ค.-ธ.ค.) คาดว่าเติบโตต่อเนื่องแม้เผชิญความท้าทายหลายด้านทั้งการเลือกตั้งในสหรัฐ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การแข็งค่าของเงินบาท ปัญหาอุทกภัยที่กระทบผลผลิตสินค้าเกษตร และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการส่งออกข้าวของอินเดียที่อาจกระทบการส่งออกข้าวไทย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์คาดว่าการส่งออกทั้งปี 2567 จะได้ตามเป้าหมายที่ 2%
นอกจากนี้ การส่งออกในช่วงปลายปีได้รับปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในหลายประเทศ ขณะที่ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลและฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี
ขณะที่อัตราค่าระวางเรือขนส่งสินค้ามีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ส่งออกไทยทำให้สินค้าไทยมีโอกาสเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น
ลุ้นส่งออกทั้งปีทำสถิตินิวไฮอีกครั้ง :
“หาก 3 เดือนสุดท้าย ส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 22,533 ล้านดอลลาร์ การส่งออกทั้งปีจะทำได้ 2% และมูลค่าทั้งปีจะอยู่ที่ 290,000 ล้านดอลลาร์ ทำสถิตินิวไฮมูลค่าการส่งออกอีกครั้ง หลังจากเคยทำไว้เมื่อปี 2566 มูลค่า 287,000 ล้านดอลลาร์” นายพูนพงษ์ กล่าว
ส่วนเป้าหมายการส่งออกปี 2568 กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการนัดหมายหารือร่วมกับภาคเอกชน เพื่อประเมินแนวโน้มและสถานการณ์ต่าง ๆ ก่อนที่จะประเมินเป้าหมายการทำงานอีกครั้ง และจะแจ้งให้ทราบต่อไป
“การส่งออกในเดือน ก.ย.2567 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ขยายตัวในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารที่ได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก รวมทั้งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เติบโตต่อเนื่องตามวัฏจักร ประกอบกับสินค้ามีคุณภาพและราคาที่แข่งขันได้ ” นายพูนพงษ์ กล่าว
นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของค่าระวางเรือในเส้นทางการค้าสำคัญยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ที่สำคัญ การเกินดุลการค้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ถือเป็นสัญญาณบวกต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของภาคการส่งออกไทย
สินค้าเกษตรอุตสาหกรรมโตแรง 7.8% :
สำหรับการส่งออกเดือน ก.ย.ขยายตัว 1.1% มาจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 3.5% โดยสินค้าเกษตร ขยายตัว 0.2% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 7.8% โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว ยางพารา อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ไก่แปรรูปและไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำตาลทราย ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และผักกระป๋องและผักแปรรูป หดตัว ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 5.4%
ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 2.0% โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เม็ดพลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ โดย 9 เดือนแรกปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 3.8%
เงินเฟ้อทั่วโลกลดลงหนุนกำลังซื้อ :
สำหรับตลาดส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ยังขยายตัวโดยเฉพาะในสหรัฐสหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร ที่อุปสงค์มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่ทยอยลดลง ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ โดย ตลาดหลัก ขยายตัว 2.6 % เช่น ตลาดสหรัฐฯ 18.1 % สหภาพยุโรป (27) 4.1% และ CLMV 8.3 % ขณะที่หดตัวในตลาดจีน 7.8 % ญี่ปุ่น 5.5% อาเซียน (5) 6.7 %
ส่วน ตลาดรอง ขยายตัว 1.3 % โดยขยายตัวในตลาดทวีปออสเตรเลีย 12.0 % ตะวันออกกลาง 3.5 % แอฟริกา 1.6 % ลาตินอเมริกา 15.0% และสหราชอาณาจักร 29.3 % ขณะที่หดตัวในตลาดเอเชียใต้ 1.6 % และ รัสเซียและกลุ่ม CIS 9.8 % ตลาดอื่น ๆ ขยายตัว 39.3%
สรท.เผยต้นทุนค่าระวางเรือนิ่งเอื้อเป้าส่งออก :
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การส่งออกเดือน ก.ย.ทำได้ดีกว่าที่คาด โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม ซึ่งในไตรมาส 4 เป็นช่วงรับออเดอร์ ทำการผลิตและส่งมอบ
รวมทั้งหากการส่งออกทำได้เฉลี่ยเท่ากับปีที่แล้ว การส่งออกปีนี้จะทำได้ไม่ต่ำกว่า 2% แน่นอน เพราะปัญหาค่าระวางเรือ ตู้คอนเทนเนอร์ ขณะนี้ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดสามารถรับมือได้หากไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์เพิ่มขึ้น
ขณะที่ปัญหาเงินบาทแข็งค่ากรณีค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.5-33.8 บาทต่อดอลลาร์ ยังบริหารจัดการได้ เพราะเอกชนปรับตัวมาระยะหนึ่งแล้ว และถ้าอยู่ระดับ 33-34 บาทต่อดอลลาร์ หรือเกิน 34 บาทต่อดอลลาร์ขึ้นไป ยิ่งส่งผลดีต่อการส่งออกและดีต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ปี 2568
ทั้งนี้ ภาคเอกชนมองการส่งออกจะทำสถิตินิวไฮ โดยจะนิวไฮทั้งเงินดอลลาร์และเงินบาท โดยเงินบาทใช้สมมติฐานที่ 33 บาทต่อดอลลาร์จะทำตัวเลขทั้งปีอยู่ที่ 10 ล้านล้านบาท แต่หากเป็นดอลลาร์จะอยู่ที่ 290,000 ล้านดอลลาร์
ส่วนปี 2568 จะต้องหารือกระทรวงพาณิชย์อีกครั้ง เพราะคงต้องพิจารณา 2 เรื่องคือ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในต้นเดือน พ.ย.และปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์จะรุนแรงหรือขยายวงมากแค่ไหน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 29 ตุลาคม 2567