นักวิจัยคาด ปี 2024 เศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียนโตต่ำสุดในรอบ 7 ปี
กลุ่มนักวิจัยจาก Google และ Temasek Holdings และ Bain & Co. คาด ปีนี้มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน เติบโตต่ำสุดในรอบ 7 ปี ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า กลุ่มนักวิจัยจากกูเกิล (Google) เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (Temasek Holdings) และเบนแอนด์โค (Bain & Co.) เผยว่า ในปี 2024 นี้ มูลค่าของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน มีอัตราการเติบโตชะลอตัวลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2017 อีกทั้งยังมีระดับการระดมทุนภาคเอกชนต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตอกย้ำความอ่อนแอของภาคการบริโภค ซึ่งกลุ่มนักวิจัยดังกล่าวผลักดันให้มีการแสดงตัวเลขผลกำไรแทนรายได้
โดยภายในปี 2024 นี้ เศรษฐกิจดิจิทัลจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% เป็น 263,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 8.8 ล้านล้านบาท) ซึ่งชะลอตัวลงจากที่เติบโต 17% ในปี 2023 อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพรวมตลาดออนไลน์ยังถือว่าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 650 ล้านคน กำลังควบคุมรายจ่ายเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น นำมาซึ่งคำถามเกี่ยวกับการเลือกลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในตลาดใหม่ที่กำลังเติบโตในเอเชียอย่างอินโดนีเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เพื่อชดเชยประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าอย่างเช่น จีน และญี่ปุ่น
ขณะเดียวกัน การแข่งขันยิ่งเข้มข้นขึ้น ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง แอมะซอน (Amazon) อาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) ตลอดจนแกร็บ โฮลดิ้งส์ (Grab Holdings) ซี (SEA) และโกทู กรุ๊ป (GoTo Group) ต่างแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากภาคอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) และออนดีมานด์ (On-Demand) เช่น ส่งอาหาร บริการเรียกรถรับส่ง
บรรดาบริษัทเทครายใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลที่จะต้องแสดงตัวเลขผลกำไรให้นักลงทุนได้เห็น บรรดาบริษัทเหล่านั้นจึงใช้วิธีลดต้นทุนอย่างโหดร้าย ได้แก่ การหั่นตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่ง หรือเลิกธุรกิจเมื่อจำนวนผู้ใช้งานชะลอตัวลง ทั้งยังต้องแข่งขันด้วยอัตรากำไรขั้นต้น
โดยรายงานระบุว่า ปีนี้ เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะทำกำไรได้ 11,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.69 แสนล้านบาท) จากรายได้ทั้งหมด 89,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.99 ล้านล้านบาท) โดยได้รับแรงหนุนจากอุตสาหกรรมสื่อออนไลน์เป็นหลัก
เหล่านักวิเคราะห์เขียนในรายงานความร่วมมือประจำปีว่า สภาพทางเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงหนุนเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป และเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคจะถูกเปลี่ยนรูปร่างไปโดยจำนวนผู้ใช้ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ความสำคัญของความปลอดภัยและความมั่นคงทางดิจิทัลจะเพิ่มขึ้น และความจำเป็นในการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อปลดล็อกมูลค่าทางเศรษฐกิจอันมหาศาล
รายงานแสดงให้เห็นว่า การระดมทุนภาคเอกชนของบริษัทต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงโควิด-19 เนื่องจากนักลงทุนมีความช่างเลือกมากขึ้น และทุนก็เริ่มแพงขึ้น จำนวนข้อตกลงเกี่ยวกับบริษัทเทคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ลดลงจาก 564 ในครึ่งแรกปี 2023 เหลือ 306 ภายในครึ่งแรกของปี 2024 โดยนักลงทุนหันไปลงทุนเกี่ยวกับซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีที่ยั่งยืนมากขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังก้าวขึ้นมาเป็นจุดสำคัญต่อการลงทุนศูนย์ข้อมูล (Data Center) อีกด้วย โดยบริษัทเทคยักษ์ใหญ่หลายรายต่างรับปากว่าจะลงทุนราว 30,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 ล้านล้านบาท) เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลเอไอ ซึ่งมีซีอีโอจากแอปเปิล ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเอ็นวิเดีย (Nvidia) เป็นผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมในการเดินทางมาเจรจากับประมุขแห่งรัฐ ตั้งแต่อินโดนีเซีย จนถึงมาเลเซีย เกี่ยวกับการทุ่มเงินลงทุนเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567