ไทยเสี่ยงโดนหางเลขภาษีทรัมป์! เพราะ "เกินดุลการค้าสหรัฐ" กว่า 7 แสนล้าน
ชัยชนะของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ในศึกเลือกตั้งสหรัฐ อาจนำมาสู่การเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้นที่ไม่เพียงแต่จีน แต่ยังรวมถึงประเทศอื่น ๆในเอเชียที่มีเกินดุลการค้ากับสหรัฐ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม และรวมถึงไทย
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานอ้างข้อมูลของวาณิชธนกิจโกลด์แมน แซคส์ว่า “ไม่ใช่จีนเพียงประเทศเดียวในเอเชีย” ที่จะได้รับผลกระทบจากภาษีสูงของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
แอนดรูว์ ทิลตัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า “แม้ยอดขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะลดลงบ้างตั้งแต่สมัยรัฐบาลทรัมป์ แต่ยอดขาดดุลกับประเทศผู้ส่งออกในเอเชียอื่น ๆ กลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก และอาจถูกจับตามองมากขึ้น”
“ด้วยความที่ทรัมป์มุ่งเน้นไปที่การลดขาดดุลการค้าทวิภาคี จึงมีความเสี่ยงคล้ายเกมตีตัวตุ่น การขาดดุลการค้าทวิภาคีที่เพิ่มขึ้น อาจนำไปสู่การเก็บภาษีกับเศรษฐกิจในเอเชียอื่น ๆ ในที่สุด” ทิลตันกล่าว
ภาษีศุลกากร คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้า แต่ภาษีนี้ไม่ได้จ่ายโดยประเทศผู้ส่งออก ดังนั้น ภาษีศุลกากรของสหรัฐจะถูกจ่ายโดยบริษัทที่ต้องการนำเข้าสินค้าเข้าประเทศ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของพวกเขาสูงขึ้น
“ที่ผ่านมา เกาหลีใต้ ไต้หวัน และโดยเฉพาะเวียดนาม มีการค้าขายกับสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมาก” ทิลตันกล่าว พร้อมเสริมว่า “ตำแหน่งของเกาหลีใต้และไต้หวันสะท้อนถึง ‘สถานะที่ได้รับสิทธิพิเศษ’ ในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่เวียดนามได้รับประโยชน์จากการเบนเข็มการค้าออกจากจีน”
ในปี 2023 เกาหลีใต้มีรายงานว่ายอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐสูงถึง 44,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นยอดเกินดุลที่สูงที่สุดกับทุกประเทศ โดยการส่งออกรถยนต์คิดเป็นเกือบ 30% ของการส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐ
ส่วนการส่งออกของไต้หวันไปยังสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2024 ทำสถิติสูงสุดที่ 24,600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 57.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการเติบโตของการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดมาจากผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ และผลิตภัณฑ์ด้านเสียงและภาพ
ในขณะเดียวกัน เวียดนามมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายนที่ 90,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ อินเดียและญี่ปุ่นก็มียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐเช่นกัน โดยยอดเกินดุลของญี่ปุ่นยังคงค่อนข้างคงที่ ขณะที่ยอดเกินดุลของอินเดียเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ภาษีศุลกากรที่ทรัมป์เสนอมีแนวโน้มที่จะทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียได้รับ “ความเจ็บปวด” มากขึ้น โดยไต้หวันมีความเสี่ยงนี้มากกว่าเกาหลีใต้หรือสิงคโปร์
“เรามองว่าไทยและมาเลเซียอยู่ตรงกลาง โดยคาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบมากกว่าค่อนข้างเล็กน้อย” บันทึกของโกลด์แมน แซคส์ระบุ
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากรระบุว่า ระหว่างเดือนม.ค.-ส.ค. ปี 2567 ไทยเกินดุลสหรัฐ 22,295 ล้านดอลลาร์หรือราว 7.6 แสนล้านบาท
ขณะที่การขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนลดลงเหลือ 279,110 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 จาก 346,830 ล้านดอลลาร์ในปี 2016
แม้ว่าการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะลดลง หลังจากการใช้ภาษีศุลกากรในรัฐบาลทรัมป์ช่วงแรก แต่มูลค่าการค้าได้ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังประเทศที่สามแทน เช่น เวียดนาม เม็กซิโก อินโดนีเซีย และไต้หวัน
ไม่ว่าเรื่องภาษีจะเป็นอย่างไร โกลด์แมนยังคงคาดการณ์ว่า จะมีแรงกดดันต่อเนื่องในการย้ายห่วงโซ่อุปทานบางส่วนจากจีนไปยังแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย หรือเม็กซิโกเป็นพิเศษ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567