รัฐบาล "ทรัมป์ 2.0" เช็กบิล "จีน" สะเทือน "ไทย"
นับจากนี้ไปอีกอย่างน้อย 4 ปี ทั่วโลกคงพบกับความวุ่นวายสับสนจากนโยบายของสหรัฐภายใต้การนำของ "โดนัลด์ ทรัมป์" โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศคงต้องปาดเหงื่อกันอีกครั้ง
เพราะ ทรัมป์ ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากจีนที่กำแพงภาษีจะสูงขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านมาอย่างมาก ชัดเจนว่าการกลับมาของ ทรัมป์ ในรอบนี้เป้าหมายแรกๆ ของเขาคือการเช็กบิลจีน
อย่าคิดว่าทรัมป์แค่ขู่ ถ้าดูการตั้งทีมงานใกล้ตัวที่เตรียมมอบหมายให้ขึ้นมาดูแลหน่วยงานสำคัญๆ เช่น กระทรวงต่างประเทศ ซึ่งมีแผนแต่งตั้งให้ “มาร์โก รูบิโอ” นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดังกล่าว ชัดเจนว่า ทรัมป์ เอาจริงกับการจัดการจีนแน่ๆ โดย รูบิโอ มีทัศนคติที่แข็งกร้าวต่อจีนอย่างมาก ที่สำคัญเขายังมีความเข้าใจเศรษฐกิจจีนเป็นอย่างดีด้วย ไม่นานมานี้เขาเพิ่งจะเผยแพร่เอกสารความยาว 60 หน้า ที่บ่งชี้ถึงความสำเร็จของเศรษฐกิจจีน เขาจึงรู้ว่า ทรัมป์ ควรต้องทำอย่างไรกับจีนเพื่อสกัดไม่ให้จีนขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทัดเทียมกับสหรัฐ
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังเลือก “ไมค์ วอลทซ์” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากฟลอริดา ซึ่งเป็นพันเอกเกษียณอายุราชการในกองทัพมาเป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นตำแหน่งสำคัญด้านนโยบายต่างประเทศในทำเนียบขาว วอลทซ์กล่าวว่าสหรัฐ อยู่ใน “สงครามเย็น” กับจีน เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาคองเกรสชุดแรกที่เรียกร้องให้สหรัฐคว่ำบาตรการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปักกิ่งปี 2022
เรื่องราวระหว่าง “สหรัฐ” กับ “จีน” นับจากนี้ไปอีกอย่างน้อย 4 ปีคงมีออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญ คือ นโยบายที่สหรัฐออกมาเพื่อสกัดการเติบโตของจีนจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก หลายคนเชื่อว่า “ไทย” อาจได้อานิสงส์จากสงครามการค้ารอบใหม่ เพราะในรอบแรกดูเหมือนว่าจะมีผู้ประกอบการบางส่วนย้ายฐานการผลิตจากจีนมาลงทุนที่ไทย แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเตือนว่า “ไม่ควรประมาท” เพราะรอบนี้อาจแตกต่างไปจากเดิม เนื่องจาก ทรัมป์ เองก็อ่านเกมเหล่านี้ออก จึงเตรียมจะขึ้นภาษีสกัดหรือออกนโยบายป้องกันจีนสวมรอยประเทศอื่นๆ ผลิตสินค้าส่งเข้าไปขายเช่นกัน
ปัญหาอยู่ที่ว่า “ไทย” มีความพร้อมในการรับมือกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าภาคส่งออกไทยเกิดปัญหาขึ้นมา เศรษฐกิจไทยไปต่อได้อยากเช่นกัน เนื่องจากภาคส่งออกถือเป็นพระเอกสำคัญที่พยุงการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยมาตลอด ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อของคนไทย การลงทุนภาคเอกชน ยังมีความน่าเป็นห่วงอยู่มาก สงครามการค้ารอบใหม่จึงกลายเป็นอีกโจทย์ที่รัฐบาลต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับมรสุมลูกใหม่ที่ใกล้ก่อตัว!
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567