หอการค้าไทยระดมความเห็นด้านเศรษฐกิจ ดันจีดีพีไทยโตไม่ต่ำกว่า 3 %
ปธ.หอการค้าไทย เผย หอการค้าไทยจัดสัมมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ระดมความเห็นด้านเศรษฐกิจ จัดทำสมุดปกขาว เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา และฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในปีหน้า เติบโตไม่ต่ำกว่า 3% ด้าน”ธนวรรธน์ พลวิชัย” ชี้เศรษฐกิจไทยพ้นจุดต่ำสุดแล้ว จับตาทรัมป์ 2.0 ฉุดจีดีพีต่ำกว่า 3 %
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้จัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาตินงนุชพัทยา จ.ชลบุรี โดยจัดภายใต้ ธีม “CONNECT FOR GROWTH: INNOVATING FOR OUR SUSTAINABLE FUTURE : สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน" ระหว่างวันที่ 22 - 24 พ.ย. 2567 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนจากทั่วทุกภูมิภาค เพื่อจัดทำ ข้อเสนอทางเศรษฐกิจ ของหอการค้าทั่วประเทศ เป็น “สมุดปกขาว“ เพื่อเสนอต่อรัฐบาล
โดยประเด็นข้อเสนอสำคัญๆ มี 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะ SMEs และการวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน เพื่อให้รัฐบาล พิจารณาดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในระยะเร่งด่วน รวมทั้งข้อเสนอ 6 ประเด็นปลุกเศรษฐกิจไทยให้เติบโต เพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือในการ ขับเคลื่อน เศรษฐกิจไทยในปีหน้า 2568 ให้โตไม่ต่ำกว่า 3 - 3.5%
“หอการค้าไทย เชื่อว่าภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด จะมีส่วนช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้เต็มศักยภาพ โดยมีเป้าหมายให้ GDP ของไทยในปีหน้า เติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 5%”นายสนั่นกล่าว
สำหรับ งาน ”สัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42“ มีกิจกรรมสำคัญ ประกอบด้วย ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความร่วมมือภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อยกระดับธุรกิจของไทย” โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไทย” โดย ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การบรรยายพิเศษ เรื่อง “EEC UPDATE” โดย ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) การสัมมนาหัวข้อเศรษฐกิจ “สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน” โดยภาคเอกชน และในวันสุดท้ายของการสัมมนา (24 พ.ย.) จะเป็นการมอบ “สมุดปกขาว” เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่อรัฐบาล
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บรรยายพิเศษในหัวข้อ “ภาพรวมเศรษฐกิจไทยและภูมิภาค“ ว่า นโยบายทรัมป์ 2.0 ทำให้ทั่วโลกเกิดความกังวลโดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศจีนที่ 60% และจะเก็บเพิ่ม 10% จากทุกประเทศทั่วโลก จะส่งผลต่อซัพพลายเชนทั่วโลก นำไปสู่สงครามการค้ารอบใหม่ ประกอบกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามจริงทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามตะวันออกกลาง โดยในส่วนของเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจโตเกิน 3% ในไตรมาสที่ 3 เป็นผลจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่ส่งผลดีต่อการลงทุน การก่อสร้าง และภาคค้าปลีกที่เริ่มโดดเด่น ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในภาพรวมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี
สำหรับปี 2568 หลายหน่วยงานประเมินเศรษฐกิจไทย จะขยายตัวเฉลี่ยในกรอบ 3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น ความต้องการของภาคเอกชนที่ขยายตัว การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการขยายตัวของการส่งออก ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการค้าโลก
ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ทั้งมาตรการแจกเงิน 10,000 บาทผู้สูงอายุ ในช่วงตรุษจีน มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน พักเงินต้น 3 ปี และมาตรการสนับสนุนเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท จะให้มีเงินหมุนในระบบ 163,728 ล้านบาท ส่งผลต่อให้จีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.9 - 1.0%
อย่างไรก็ตาม หากนโยบายทรัมป์ ดำเนินการจริงในปีหน้า จะทำให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่า 3% เนื่องจากจะเกิดเป็นสงครามการค้า และสงครามจริง มีผลต่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุน นอกจากนี้ยังมีความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมือง ที่พรรคแกนนำถูกร้อง ซึ่งหากมีความผิดความจริง อาจถึงมีการประกาศยุบสภาในช่วงกลางปีหรือครึ่งปีแรก และจะส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 เหมือนกลับไปเหมือนช่วงเดียวกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้าอีกปัจจัยหนึ่ง
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567