ดีทรอยต์แห่งเอเชียอาการน่าเป็น "ห่วง"
อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างชื่อให้ประเทศไทยมาหลายทศวรรษ จนได้ชื่อว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย" เพราะไทยถือเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของโลกและภูมิภาคมาอย่างยาวนาน
เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย มีผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มากมายอยู่ในประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มให้ระบบเศรษฐกิจประเทศไทยได้อย่างมหาศาล
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ ยอดผลิตรถยนต์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จนถึงวันนี้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ทั้งตลาดภายในประเทศ และการส่งออก จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้ออ่อนแอ หนี้ครัวเรือนสูง และสถานการณ์หนี้เสียที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และยอดปฏิเสธสินเชื่อก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน
การเข้มงวดอนุมัติสินเชื่อให้ผู้ซื้อรถยนต์ เพราะหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (SM) ยังอยู่ในระดับที่สูง 208,575 ล้านบาท หนี้เสียรถยนต์อยู่ที่ 259,330 ล้านบาท ในเดือนก.ค.2567 ประกอบกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศไตรมาส 2 ปี 2567 ที่โตต่ำแค่ 2.3% และคาดว่า 2567 จะเติบโตแค่ 2.7-2.8% เท่านั้น
ผลกระทบที่เห็นชัด คือ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายราย ต้องปรับลดกำลังการผลิต และชั่วโมงทำงานลง บางบริษัทหยุดสายการผลิตชั่วคราว หรือลดจำนวนกะการทำงาน กระทบต่อรายได้ของพนักงาน เช่นเดียวกันกับผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ขนาดเอสเอ็มอี กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก ประสบปัญหาสภาพคล่องและต้องลดขนาดธุรกิจลง
เป็นโจทย์ยากและท้าทายของรัฐบาลไทย ที่ต้องชุบชีวิต ดีทรอยต์แห่งเอเชียให้กลับมาคึกคักเหมือนในอดีตให้ได้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมองยาวๆ ถึงวิธีการแก้ปัญหา ต้องเร่งยกระดับขีดความสามารถของทั้งอุตสาหกรรม ทั้งองคาพยพ พัฒนาบุคลากรให้มีทักษะที่สอดคล้องเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ สนับสนุนการวิจัยพัฒนา สร้างความร่วมมือหลายๆ กลุ่ม ทำอย่างไรให้สามารถสร้างนวัตกรรมและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์
ขณะเดียวกัน ต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต จะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้ไทยสามารถรักษาสถานะการเป็นฐานผลิตยานยนต์ที่สำคัญของโลกได้อย่างยั่งยืนและภาคภูมิ รัฐต้องเร่งหามาตรการพลิกฟื้นให้ฉายา “ดีทรอยต์เอเชีย” กลับมาผงาดได้อีกครั้ง
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567