ทรัมป์ลั่นสั่งเก็บภาษีสินค้าเม็กซิโก-แคนาดา 25% จีน 10% ในวันแรกที่รับตำแหน่ง
โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะออกคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเป็น 25% และจีน 10% ตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง อ้างลงโทษการอพยพเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติดผ่านพรมแดนสองประเทศเพื่อนบ้าน นักวิเคราะห์มอง แค่เริ่มต้น ที่เคยประกาศจะเก็บจีน 60% ยังไม่เป็นโมฆะ
รอยเตอร์ (Reuters) รายงานในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2024 เวลาไทย (25 พฤศจิกายน เวลาสหรัฐ) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐประกาศล่าสุดในวันที่ 25 พฤศจิกายนว่า จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเป็นอัตรา 25% ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง และจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นอัตรา 10% โดยอ้างถึงเหตุผลเรื่องการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติด
“ในวันที่ 20 มกราคม หนึ่งในคำสั่งฝ่ายบริหารชุดแรก ๆ ของผม ผมจะลงนามในเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าอัตรา 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาทั้งหมดที่นำเข้ามาสหรัฐ รวมถึงนโยบายพรมแดนเปิด (Open Borders) ที่ไร้สาระ” ทรัมป์กล่าวในโพสต์บนแพลตฟอร์ม ทรูท โซเชียล (Truth Social)
ทรัมป์กล่าวว่าภาษีนำเข้าจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปจนกว่าทั้งสองประเทศจะปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิล และปราบปรามผู้อพยพที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐอย่างผิดกฎหมาย
มาตรการภาษีใหม่ที่ทรัมป์ขู่ไว้จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ เม็กซิโก และแคนาดา (USMCA) ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าปลอดภาษีระหว่างทั้งสามประเทศ ที่ทรัมป์เองเป็นผู้ลงนามออกกฎหมายและมีผลบังคับใช้ในปี 2020
ทั้งนี้ เม็กซิโกและแคนาดาเป็นหุ้นส่วนการค้าที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ โดยในปี 2023 สินค้าส่งออกจากเม็กซิโกมากกว่า 83% ถูกส่งไปยังสหรัฐ และสินค้าส่งออกของแคนาดา 75% ถูกส่งไปยังสหรัฐ
สำหรับจีน ทรัมป์กล่าวหารัฐบาลจีนว่าไม่มีการดำเนินการที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะหยุดยั้งการไหลเข้าของยาเสพติดผิดกฎหมายจากจีนผ่านเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐ
“จนกว่าพวกเขาจะหยุด เราจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมจากจีนอีก 10% สำหรับสินค้าจำนวนมากของพวกเขาที่ส่งมายังสหรัฐ” ทรัมป์กล่าว
อัตราภาษีสำหรับสินค้าจีนที่ทรัมป์ระบุในครั้งนี้ ต่ำกว่าที่เขาเคยประกาศไว้ในช่วงหาเสียงว่า จะยุติสถานะการค้า “ชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง” (Most-Favored Nation Treatment: MFN) ของจีน และจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเกินกว่า 60% ซึ่งสูงกว่าที่เรียกเก็บในการดำรงตำแหน่งสมัยแรกของเขามาก
ตามการรายงานของบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ในวันเดียวกัน นักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลข 10% ที่ทรัมป์ระบุในครั้งนี้ซึ่งไม่ตรงกับที่เคยประกาศไว้ เป็นเพียงการเปิดเกมหรือจุดเริ่มต้นเท่านั้นของการเก็บภาษีสินค้าจีนเท่านั้น
นีล โธมัส (Neil Thomas) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองจีนจากศูนย์วิเคราะห์จีน (Center for China Analysis) ของสถาบันนโยบายสังคมเอเชีย (Asia Society Policy Institute) กล่าวว่า ภาษีที่ทรัมป์กล่าวถึงนี้มุ่งเป้าไปที่การปราบปรามการค้าเฟนทานิลโดยเฉพาะ และไม่ได้หมายความว่าภาษีนำเข้าสินค้าจีนทั้งหมด 60% ที่ทรัมป์สัญญาไว้จะต้องเป็นโมฆะ ส่วนฝั่งจีนจะแสดงจุดยืนคัดค้านและพิจารณาตอบโต้แบบจำกัด โดยมีแนวโน้มว่าจีนจะตอบโต้ด้วยความระมัดระวังต่อภัยคุกคามจากทรัมป์ในช่วงแรก จนกว่าจะมีการชั่งน้ำหนักอย่างดีแล้วระหว่างการเผชิญหน้าและการทำข้อตกลงในการดำรงตำแหน่งวาระที่สองของทรัมป์
ส่วนความเคลื่อนไหวของฝั่งจีน รอยเตอร์รายงานแยกอีกข่าวหนึ่งในวันเดียวกันว่า สถานทูตจีน ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แถลงในวันที่ 25 พฤศจิกายน หลังการประกาศดังกล่าวของทรัมป์ว่า ทั้งสหรัฐและจีนจะไม่มีใครชนะสงครามการค้า
“เกี่ยวกับประเด็นภาษีนำเข้าของสหรัฐต่อสินค้าจีนนั้น จีนเชื่อว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ เป็นประโยชน์ร่วมกัน”
“ไม่มีใครจะชนะสงครามการค้าหรือสงครามภาษีได้” หลิว เผิงหยู (Liu Pengyu) โฆษกสถานทูตจีน ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวในแถลงการณ์
ในแถลงการณ์ หลิวยืนยันว่า จีนได้ดำเนินการเพื่อปราบปรามการค้ายาเสพติดแล้ว หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีนบรรลุข้อตกลงกันเมื่อปีที่แล้ว อีกทั้ง ฝ่ายจีนได้แจ้งให้สหรัฐทราบถึงความคืบหน้าในการดำเนินการต่าง ๆ ด้วย
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567