"แปลงนาไร้คน" เปิดโลกเกษตรแนวใหม่ ที่แรกในกว่างซี
ศูนย์บริการเครื่องจักรการเกษตรเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง องค์การมหาชนภายใต้การกำกับดูแลของกรมเกษตรและชนบทเขตฯ กว่างซีจ้วง เผยว่า "นาข้าวอัจฉริยะอี้หนง" หรือ "นาข้าวไร้คน" แห่งแรกของเขตฯ กว่างซีจ้วงที่ตั้งอยู่ในเมืองกุ้ยก่าง ได้ผ่านการตรวจรับการทดสอบด้านการผลิตเป็นครั้งแรกของเขตฯ กว่างซีจ้วง โดยการทดสอบการผลิตข้าวบน ‘นาข้าวไร้คน’ เป็นการปลูกข้าวนาปรัง โดยใช้พันธุ์ข้าวกว่างเหลียงเซียง เบอร์ 2 ผลการทดสอบได้ผลผลิตข้าวเปลือก 458 กิโลกรัม/หมู่จีน (ราวไร่ละ 190.8 กิโลกรัม) และต้นข้าวรุ่นที่ 2 หรือข้าวล้มตอ ได้ผลผลิตข้าวเปลือกอีก 440 กิโลกรัม/หมู่จีน (ราวไร่ละ 184.9 กิโลกรัม) ซึ่งสูงกว่าผลผลิตเฉลี่ยในพื้นที่ปลูก
นาข้าวอัจฉริยะอี้หนง เป็นความร่วมมือระหว่างกรมเกษตรและชนบทกว่างซี ศูนย์บริการเครื่องจักรการเกษตรกว่างซี เทศบาลเมืองกุ้ยก่างและทีมผู้เชี่ยวชาญของ ศาสตราจารย์หลัว ซีเหวิน (Luo XiWen) จากมหาวิทยาลัย South China Agricultural University
โดยใช้รูปแบบการดำเนินการเชิงบูรณาการระหว่าง สหกรณ์เกษตร มหาวิทยาลัย และนาชาวบ้าน ซึ่งกระบวนการผลิตในแปลงนาทดลองได้นำเทคโนโลยีอัจฉริยะ ไร้คนขับ มาใช้ทั้งหมด ตั้งแต่การเตรียมดิน การปลูก การดูแลรักษา ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว อาทิ รถแทรกเตอร์ไร้คนขับ รถดำนาแบบปักดำไร้คนขับ รถหยอดข้าวงอกไร้คนขับ เครื่องฉีดพ่นสารควบคุมกำจัดวัชพืช โรค และแมลง แบบไร้คนขับ รถเก็บเกี่ยวข้าวแบบไร้คนขับ และแพลตฟอร์มควบคุมและแสดงผลอัจฉริยะจากเซนเซอร์ต่าง ๆ ภายในแปลงนา
นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีการรับรู้ (Sensing) มาช่วยควบคุมและบริหารแปลงนา เช่น การใช้ระบบการให้น้ำและปุ๋ยที่แม่นยำ เซ็นเซอร์วัดค่าอุณหภูมิ ความชื้น สภาพความเป็นกรดด่าง และความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยนายหลู เจียงฮวน (Lu JiaHuan) รองศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย South China Agricultural University ให้ความเห็นว่า ผลการทดสอบครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการประยุกต์ใช้เครื่องจักรเกษตรแบบไร้คนขับในกระบวนการผลิตข้าวในนา ช่วยสนับสนุนกว่างซีในการแสวงหาแนวทางการพัฒนาการผลิตธัญพืชจาก การใช้เครื่องจักรกล (Mechanization) ไปสู่ ความเป็นอัจฉริยะ (Intelligentization) และเป็นต้นแบบของการพัฒนา เกษตรกรอัจฉริยะ (Smart Farming)
ทั้งนี้ นาข้าวไร้คน เป็นวิถีการเกษตรยุค 4.0 หรือ เกษตรกรแม่นยำสูง (Precision Farming) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาและนำวิทยาการด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดความสะดวกและง่ายต่อการบริหารจัดการแปลงเกษตร การวิเคราะห์และประมวลผลที่รวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ ช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพให้กับผลผลิตได้มากยิ่งขึ้น เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าในยุคที่ต้นทุนเกษตรสูงกับแรงงานภาคการเกษตรลดลง
อีกทั้ง นายหลี่ ฟู่เชิง (Li FuSheng) ประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์เฉพาะเครื่องจักรกลเกษตรหนงอี้ (Nongyi Agricultural Machinery Professional Cooperative) ให้ข้อมูลว่า ‘นาข้าวไร้คน’ ช่วยลดการพึ่งพิงแรงงานคนในกระบวนการผลิต การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบิ๊กดาต้าและเทคโนโลยีการระบุตำแหน่งด้วยดาวเทียม
ซึ่งช่วยให้สามารถดูข้อมูลระยะการเจริญเติบโตของข้าวและสถานการณ์ระบาดของโรคแมลงในแปลงได้แบบ real-time ช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนและตัดสินใจในการบริการจัดการแปลงนาได้อย่างแม่นยำ
โดยเฉพาะการดูแลและควบคุมปริมาณน้ำ ปุ๋ย รวมถึงสารควบคุมกำจัดวัชพืช โรค และแมลง ช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการผลิตข้าวรุ่นที่ 2 (ข้าวล้มตอ) ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมราวร้อยละ 20 และสหกรณ์วางแผนจะส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมกับสหกรณ์ในการขยายพื้นที่ปลูกข้าวแปลงใหญ่
ในส่วนของศูนย์บริการเครื่องจักรการเกษตรเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เปิดเผยว่า หลายปีมานี้กว่างซีมุ่งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเกษตร ปัจจุบันมีเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทำงานอัตโนมัติผ่านระบบดาวเทียมนำทางเป่ยโตว (Beidou Navigation Satellite System) มากกว่า 3,000 เครื่อง และโดรนเกษตรมากกว่า 7,000 ลำ
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวใหม่ที่เกิดขึ้นในจีนปัจจุบัน เปรียบเสมือนการมองเห็น ‘ภาพอนาคต’ ที่กำลังจะเกิดขึ้นบนโลก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เช่น การช้อปปิ้งออนไลน์ สังคมไร้เงินสด ยานยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไร้คนขับ และเกษตรอัจฉริยะ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ภาคเกษตรไทยควรเตรียมและปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
อีกทั้งนาข้าวอัจฉริยะอี้หนง เป็นต้นแบบการเรียนรู้ที่ดีสำหรับภาคการเกษตรของประเทศไทย ด้านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้สนับสนุนกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร (ข้าว) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มผลผลิต และลดต้นทุนรวม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการแข่งขันของข้าวไทย และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย เพื่อการทำการเกษตรอย่างยั่งยืนได้อีกด้วย (ข้อมูล สถานกงสุลใหญ่ ณ หนานหนิง)
ที่มา globthailand
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567