เวียดนามเกินดุลสหรัฐพุ่ง เสี่ยงถูกทรัมป์ขึ้นภาษี
ผู้บริหารภาคอุตสาหกรรมและนักวิเคราะห์พูดเป็นเสียงเดียวกันเวียดนามเสี่ยงตกเป็นเป้าหมายใหม่ถูกรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษี เมื่อข้อมูลชี้ว่าเกินดุลการค้าสหรัฐสูงมาก
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน เวียดนามที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์เป็นที่ตั้งของบรรษัทข้ามชาติสหรัฐหลายแห่ง อาทิ แอปเปิ้ล, กูเกิล, ไนกี และอินเทล และกำลังได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐสูงสุดเป็นอันดับสี่ เป็นรองแค่จีน สหภาพยุโรป และเม็กซิโก
ข้อมูลการค้าสหรัฐเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.) ชี้ว่า ช่วงสิบเดือนแรกของปีนี้ สหรัฐขาดดุลการค้าเวียดนามทะลุ 1.02 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากช่วงเดียวกันในปี 2023
“สำหรับทรัมป์ มาตรวัดหลักคือการขาดดุลการค้า และตัวเลขของของเวียดนามนั้นน่ากลัวมาก เวียดนามเป็นตัวเลือกในอุดมคติที่จะโดนเล่นงานก่อนเพราะไม่สามารถตอบโต้ได้ง่ายๆ” เดบอราห์ เอล์มส หัวหน้าฝ่ายนโยบายการค้า มูลนิธิฮินริค ประจำภูมิภาคเอเชียกล่าว
ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้จะรับตำแหน่งในเดือน ม.ค. ขู่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทุกชนิดมากถึง 20%
ในคลิปวีดิโอที่ฉายเมื่อสัปดาห์ก่อนในงานประชุมภาคธุรกิจจัดโดยหอการค้าอเมริกันในกรุงฮานอย เผยให้เห็นภาพเอริก บุตรชายและหัวหน้าที่ปรึกษาของทรัมป์ อ้างว่าเวียดนามอยู่ในกลุ่มประเทศที่ “เอาเปรียบ” สหรัฐ
ในงานดังกล่าวนักธุรกิจและตัวแทนสมาคมการค้าหลายรายกังวลเรื่องที่เวียดนามอาจถูกเก็บภาษี
“ภาษีใหม่เป็นหนึ่งในความกังวลใหญ่สุดสำหรับธุรกิจเกาหลีในเวียดนาม” ฮงซุน ประธานหอการค้าเกาหลีใต้ในเวียดนามกล่าวในการประชุม
ทั้งนี้ ซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ เป็นผู้ส่งออกสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากเวียดนามไปยังสหรัฐรายใหญ่สุด
รอยเตอร์สสอบถามเรื่องแนวโน้มภาษีไปยังกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ไม่ได้รับคำตอบ แต่ทางการเวียดนามกระตุ้นเตือนรัฐบาลวอชิงตันอยู่เสมอให้รักษาการค้าแบบไร้รอยต่อเอาไว้
อีกหนึ่งสัญญาณบ่งบอกว่าเวียดนามอาจโดนเก็บภาษี ทรัมป์เลือกปีเตอร์ นาวาร์โร เป็นที่ปรึกษาอาวุโสด้านการค้าและการผลิต
นาวาร์โรเคยเขียนไว้ในข้อเสนอ Project 2025 ที่ผู้กำหนดนโยบายหลายคนในวอชิงตันมองว่า เป็นพิมพ์เขียวสำหรับรัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ว่าการเก็บภาษีเวียดนามจะส่งผลอย่างมากในการลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐ
“นาวาร์โรเป็นผู้เชี่ยวชาญในรัฐบาลทรัมป์ผู้ขึ้นชื่อเรื่องเพิ่มขนาดภาคการผลิตอเมริกัน เก็บภาษีสูง และส่งกลับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก” เหวียน ฮุง ผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยอาร์เอ็มไอทีเวียดนามแสดงความเห็น
ที่ผ่านมาเวียดนามเคยได้ประโยชน์จากอุปสรรคทางการค้าที่ทรัมป์เล่นงานปักกิ่งสมัยแรก กระตุ้นให้ผู้ผลิตย้ายฐานออกจากจีน
ฮุง ระบุว่า ด้วยการส่งออกเกือบหนึ่งในสามของเวียดนามที่ส่งไปยังสหรัฐในขณะนี้ เวียดนามต้องปรับปรุงการติดตามสินค้าและส่วนประกอบเพื่อขจัดความกังวลว่าจะถูกใช้เป็นเพียงสถานที่ประกอบผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศจีนเท่านั้น
ด้านเจ้าหน้าที่เผยว่า เวียดนามอาจชดเชยการเกินดุลมหาศาลได้บางส่วนโดยการนำเข้าจากสหรัฐเพิ่ม เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ยา และเครื่องบิน อย่างไรก็ตามไม่ทราบแน่ชัดว่าทางการจะสนับสนุนมาตรการชดเชยเหล่านี้หรือไม่ และจะให้ความสำคัญกับมาตรการมากขนาดไหน
“ดิฉันไม่คิดว่าเวียดนามอยู่ในสถานะซื้อสินค้าได้รวดเร็วและมากพอ” เพื่อลดการเกินดุลให้ได้ผลเป็นรูปธรรมได้ เอล์มส จากมูลนิธิฮินริคกล่าวทิ้งท้าย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 10 ธันวาคม 2567