หอการค้า ชี้เศรษฐกิจภูมิภาคฟื้น ส่งผล GDP ไทยปี 68 โต 3%
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ประมาณการเศรษฐกิจภูมิภาคในปี 2567-2568 ดีขึ้น ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดโต 3% ขณะที่การประชุม กนง.วันนี้ คงดอกเบี้ย แต่เชื่อว่าปีหน้ามีแนวโน้มลดดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง พร้อมดูปัจจัยกระทบ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ศูนย์พยากรณ์ประเมินว่าจะโต 2.6-2.8% เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจ 2 ไตรมาสที่ผ่านมามีการฟื้นตัว มีผลทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของไทยฟื้นตัวตาม แต่จากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ หอการจังหวัด ยังมองว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ไม่ดี เพราะภาวะเศรษฐกิจรวมยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 แต่มีความหวังว่าในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ของปีหน้าเศรษฐกิจจะกลับมาดีขึ้น
“จากมุมมองเศรษฐกิจจะค่อยดีขึ้น ภายใต้ “ทรัมป์” จะไม่ได้มีมาตรการที่ออกมารุนแรงจากที่คาด จากที่ประเมินไว้ว่าขึ้นภาษีนำเข้าของไทยเพียง 10% แต่หากขึ้นมากกว่านี้ สงครามการค้าก็จะเกิดขึ้น และก็คาดหวังว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะดี จีนมีการคาดการณ์เติบโตเศรษฐกิจโต 5% มีนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และคาดหวังธนาคารกลางทั่วโลกจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ ยังประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการเติบโต 2.2-2.4% จีนเศรษฐกิจโต ยุโรปฟื้น ซึ่งจะมีผลต่อการส่งออกสินค้าของไทย การท่องเที่ยวคาดว่าปีนี้ 36 ล้านคน และในปีหน้าแตะ 40 ล้านคน รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายในช่วงปลายปี มาตรการลดหย่อนภาษี และในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2568 การแจกเงิน 10,000 บาทของคนที่มีอายุ 60 ปี วงเงิน 40,000 ล้านบาท มาตรการคุณสู้ เราช่วย คาดว่ามีเงินหมุนในระบบทั้งปี 80,0000-100,000 ล้านบาท มาตรการ 1,000 บาท ช่วยเกษตรกร เงินหมุนเวียน 40,000 ล้านบาท
ดังนั้น จากมาตรการและเงินหมุนเวียนที่จะเข้ามาระบบเศรษฐกิจ จะมีผลให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาที่ 1 ของปี 2568 ดีขึ้น และจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ผลกระทบรวมไปถึงการจับจ่ายและการลงทุนของภาครัฐ จะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของไทยโตได้
ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินแห่งชาติ (กนง.) วันนี้ คาดว่าไม่น่าจะมีการลดดอกเบี้ย แค่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า 2 ครั้ง ซึ่งก็ต้องติดตามปัจจัยที่จะส่งผลกระทบ และยังมองว่าทิศทางดอกเบี้ยขาลงเป็นประโยชน์ ดอกเบี้ยนโยบายของไทยในตอนนี้อยู่ที่ 2.25%
ผยการประมาณการเศรษฐกิจภูมิภาคในปี 2567-2568 ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัว 3.0% (เพิ่มขึ้นจาก 2.6% ในปี 2567) โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคบริการ (+4.0%)
โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ขณะที่ภาคเกษตรและอุตสาหกรรมฟื้นตัวเล็กน้อยที่ 1.6% และ 1.5% ตามลำดับ
กรุงเทพฯ และปริมณฑล :
จะเป็นภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 3.3% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศ) เนื่องจากมีสัดส่วน 46.6% ของ GDP รวม โดยได้แรงหนุนจากภาคบริการที่คาดว่าจะเติบโต 4.0% และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก :
จะเป็นภูมิภาคที่มีการฟื้นตัวโดดเด่น โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 3.1% และ 2.6% ตามลำดับ เพราะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม
ภาคบริการ :
จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกภูมิภาค โดยคาดว่าจะขยายตัวในช่วง 2.8-4.7% ทั่วประเทศ ส่วนภาคเกษตรและอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สะท้อนการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาภาคบริการมากขึ้น
ความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ (1)ความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ
(2)โอกาสที่ไทยอาจถูกสหรัฐขึ้นภาษี 10-15% และ
3)ความเสี่ยงจากสงครามที่อาจขยายตัวเป็นวงกว้าง ซึ่งอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยต่ำกว่ากรณีฐาน
การวิเคราะห์สถานการณ์แสดงให้เห็นช่วงการเติบโตที่เป็นไปได้ของแต่ละภูมิภาค โดยในกรณีที่ดีที่สุด (Better Case) พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลอาจขยายตัวสูงถึง 4.6% แต่ขณะที่ในกรณีที่แย่ที่สุด (Worse Case) อาจโตได้เพียงแค่ 1.1% สะท้อนความอ่อนไหวของเศรษฐกิจ ต่อปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 18 ธันวาคม 2567