คลังจ่อออกมาตรการ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษี 5 หมื่น เริ่ม 15 ม.ค.
"ลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง ชงครม.สัปดาห์หน้า ออกมาตรการ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษี 5 หมื่น เริ่ม 15 ม.ค.68 เพิ่มสิทธิใช้จ่ายการท่องเที่ยว คาดเงินหมุนเวียนในระบบ 7 หมื่นล้านบาท
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 ธ.ค.67 กระทรวงการคลังจะเสนอของขวัญปีใหม่ ผ่านมาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt ปี 2568 เพื่อให้ประชาชนใช้จ่ายตามเงื่อนไขของโครงการ ซึ่งสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท โดยคาดว่าระยะเวลาโครงการเริ่มตั้งแต่ 15 ม.ค.-28 ก.พ.68
“มาตรการ Easy E-Receipt ปี 2568 เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย ประเมินว่าจาการดำเนินโครงการดังกล่าว รัฐบาลจะสูญเสียรายได้ 10,000 ล้านบาท แต่คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 70,000 ล้านบาท"
สำหรับการใช้จ่ายผ่านโครงการ Easy E-Receipt นั้น ต้องเป็นกลไกการซื้อสินค้า และบริการจากร้านค้าที่จดทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม และนำใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกกันว่า e-Tax Invoice และ e-Receipt มาใช้ลดหย่อนภาษี
ทั้งนี้ ในวงเงิน 50,000 บาทนั้น แบ่งการใช้จ่ายเป็น 2 ส่วน ได้แก่
(1)การใช้สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค วงเงิน 30,000 บาท และเพิ่มเติมสามารถในแพ็คเกจการท่องเที่ยวได้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเดินทาง การใช้จ่ายการท่องเที่ยว เช่น แพ็คเกจทัวร์ และการจองโรงโรม เป็นต้น
(2)การใช้จ่ายผ่านกลุ่มวิสาหกิจชุมชุน และโอท็อป วงเงิน 20,000 บาท เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มเอสเอ็มอี และชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีความเข็งแข็งขึ้น
“ส่วนแรกสำหรับการซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคสามารถใช้ได้ 30,000 บาท และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนใช้ได้ 20,000 บาท อย่างไรก็ตาม หากต้องการซื้อสินค้าสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน ทั้ง 50,000 บาท สามารถทำได้ แต่ผู้ประกอบการจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จากการดำเนินการช่วงต้นปี มีผู้ประกอบการเข้าระบบเพิ่มขึ้น 20%”
ขณะที่สินค้าไม่เข้าเงื่อนไข ได้แก่ สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะ ค่าซื้อรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเรือ ค่าเบี้ยประกัน รวมทั้งค่าสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทั้งค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 20 ธันวาคม 2567