MI GROUP แนะ 5 ศาสตร์ติดอาวุธธุรกิจเอสเอ็มอี พิชิตเป้าหมายปี 2568
ปีเก่ากำลังจะผ่านพ้นไป ภาคธุรกิจมี "บทเรียน" มากมายเช่นเคย เพราะท่ามกลางการพยายามทำการตลาด ผลักดันการเติบโต เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และทุกปีจะมีอุปสรรค(Threats) เป็นบททดสอบให้ก้าวผ่านอยู่เสมอ
เมื่อก้าวย่างสู่ปีใหม่ นักการตลาด กูรูภาคส่วนต่างๆ จึงมีการออก “คัมภีร์” เพื่อพิชิตโจทย์หินในปีใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าปี 2568 เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามการค้า สงครามแย่งการเป็นมหาอำนาจ ยังคงอยู่ ขณะที่กำลังซื้อผู้บริโภคแผ่วแล้วแผ่วอีก จากสารพัดภัยคุกคาม ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกคนมีเงินให้กลายเป็น “คนฐานราก” ในไม่กี่ชั่วโมง ข้าวของราคาแพงขึ้นสวนทางรายได้ เป็นต้น
สำหรับคัมภีร์เคลื่อนธุรกิจปี 2568 บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ กรุ๊ป จำกัด หรือ MI GROUP ได้เปิดตัว “มี-อาย” หรือ MiAi เป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI แรกในวงการเอเจนซี่สื่อ (Media Agency) ที่ออกแบบมาช่วยผู้ประกอบการไทยก้าวข้ามข้อจำกัดในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในทุกมิติของการทำธุรกิจ ถือเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในรูปแบบของภูมิปัญญาหรือ WISDOM เป็นองค์ความรู้ที่ยั่งยืน
สำหรับคู่มือธุรกิจดังกล่าว ได้จัดทำต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยพร้อมลุยทำตลาด “ยุคเอไอ” ซึ่งปี 2568 จัดทำภายใต้คอนเซ็ปต์ “Living AI” และ MiAi เป็นหนึ่งในเครื่องมือเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้ AI ด้วยเชื่อว่าการเลือกใช้ AI ที่เหมาะสมในยุคปัจจุบันจะช่วยยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ
SMEs ไม่รู้มากพอด้าน AI กังวลค่าใช้จ่ายเพิ่ม :
ปีที่ผ่านมา MI LEARN LAB ได้ศึกษาและรวมรวบข้อมูลในเรื่องการใช้เครื่องมือ AI ในการทำการตลาดยุคใหม่ของผู้ประกอบการรายย่อยหรือ SMEs ในไทยพบโจทย์ดังนี้ -ส่วนใหญ่มีความเข้าใจและยอมรับว่าการใช้เครื่องมือ AI และ เทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ แต่ก็มีอุปสรรคและความท้าทายที่ทำให้ยังไม่พร้อมเปิดรับเท่าที่ควร ทว่า จากข้อมูล SMEs ในไทยเคยได้ยินคำว่าเทคโนโลยีการตลาดหรือ Martech อยู่ที่ 68%
-มีเพียง 29% ของกลุ่มที่เคยได้ยินคำว่า MarTech เท่านั้นที่เคยนำมาใช้งาน
-อีก 71% ที่ไม่เคยใช้งาน โดยปัจจัยหลักมาจากไม่มีความรู้มากพอ และ กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะกระทบต้นทุน
5 ศาสตร์ติดอาวุธ ปี 2568 :
เศรษฐกิจไม่ดี เทคโนโลยีทรงพลัง โจทย์ SMES “อยู่ยาก – โตตัน” MI GROUP จึงแนะ 5 ศาสตร์ ติดอาวุธการทำธุรกิจ การตลาดปีหน้า ประกอบด้วย
1)Business Data Management ที่จะเป็นหนทางช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น รวมถึงการ “ลดต้นทุน” ผ่านการจัดอบรมความรู้ มาตรการทางภาษี และโครงการค้ำประกันสินเชื่อพิเศษ
2)Encouraging Technology Adoption ปลุกการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ตลาด
3)Product and Service Development For Market Fit เดินหน้าสร้างเอกลักษณ์ คุณภาพสูง ควบคู่การมองหาช่องทางจัดจำหน่ายที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการห้ำหั่นกันในตลาดด้วย “สงครามราคา”
4)Partnerships and Networking หนุนการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการ SMEs ภาครัฐ และเอกชน เพื่อหาโอกาสในการขยายตลาดและเพิ่มความแกร่งในการขับเคลื่อนธุรกิจ
5)Digital Marketing Adoption ส่งเสริมให้ SMEs ใช้ช่องทางออนไลน์ในการทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์โซเชียลมีเดีย อีคอมเมิร์ซ รวมถึงการใช้เครื่องมือดิจิทัล เพื่อให้แบรนด์และสินค้าสามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ ขยายฐาน และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
“MiAi” หนุนผู้ประกอบการใช้ AI เพิ่มศักยภาพธุรกิจ :
สำหรับ MiAi ได้ผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวเวอร์ชัน BETA ตั้งแต่ตุลาคมที่ผ่านมา โดยใน ล่าสุดได้นำเสนอระบบที่สมบูรณ์และเปิดใช้งานต่อสาธารณชน รูปแบบการทำงานของ MiAi โดยมี 3 กรอบ(Framework) หลักจาก MI GROUP ประกอบด้วย
1)แนะนำการป้อนข้อมูลจำเป็นของธุรกิจ เพื่อให้ระบบเข้าใจและตอบคำถามได้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
2)ระบบมาพร้อม 11 หมวดต้องรู้สำหรับการทำกลยุทธ์การตลาด และสื่อสารการตลาด ที่มาพร้อมชุดคำถามรวมทุกหมวดมากถึง 400 คำถาม มีการทำงานร่วมกับ ChatGPT API ช่วยให้ตอบคำถามได้ครอบคลุมและทันที
3)สร้างความรู้เฉพาะทาง ด้วยการเพิ่มเนื้อหาด้านกลยุทธ์ในรูปแบบคำแนะนำเพิ่มเติมมากขึ้น 200 คำแนะนำ โดยได้รับการออกแบบบนพื้นฐานความรู้จาก 7 โซลูชันของ MI GROUP และ AI-Partner Creaive ในหมวด AI
ทั้งนี้ ผู้ใช้ระบบสามารถรับรายงานสรุปการสนทนา ผ่านการ Share to Email ง่ายๆ เพื่อรับ MiAi Strategy Blueprint: From Ideas to Action – แผนกลยุทธ์จาก มี-อาย: จากแนวคิดสู่การปฏิบัติสำหรับนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจต่อไป
วรินทร์ ทินประภา Chief Growth Officer ของ MI GROUP กล่าวว่า “MiAi - AI ตัวแรกในวงการเอเจนซี่สื่อ ที่ผสานการทำงานของ ChatGPT API กับ Framework เฉพาะจาก MI GROUP เพื่อเสริมความแม่นยำและเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งาน ChatGPT ในเรื่องการวางแผนการตลาดและสื่อสารการตลาด โดยทีมงานที่ดูแลโครงการนี้ให้ความสำคัญ และเน้นการตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูล และ technology ให้ใช้งานง่าย และสามารถเสริมประสิทธิภาพให้ทั้งสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์และไม่มีประสบการณ์มาก่อน
วิชิต คุณคงคาพันธ์ Head of International Business Development – BRIDGE กล่าวว่า“การเปิดตัว MiAi ช่วยสนับสนุน SMEs ไทย ให้สามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจตนเอง ทีม MI LEARN LAB ศึกษาและวิเคราะห์ปมปัญหาหรือ Pain Points และค้นหาโซลูชันที่ตรงจุด ซึ่งได้พัฒนารูปแบบการใช้งาน MiAi ให้มี Framework ชัดเจน ช่วยกำหนดกรอบคำถามที่เป็นประโยชน์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ส่งผลให้คำตอบจาก MiAi มีความแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น
ผู้ที่สนใจ สามารถปรึกษา MiAi ได้ที่ http://miai.migroup.agency/ ได้ตาม QR Code นี้
สำหรับคัมภีร์ธุรกิจดังกล่าวได้รับความร่วมมือจาก dots academy (สถาบันฝึกอบรมและวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ) ร่วมให้คำปรึกษาในภาพรวมของโปรเจกต์ และ CREaiVE (ครี-เอฟ – ผู้เชี่ยวชาญในพัฒนาโซลูชันจากเทคโนโลยี AI) เป็น AI-Partner ในการพัฒนาแพลตฟอร์มของ MiAi โปรเจกต์ จากไอเดียสู่การใช้งานจริง และผ่านการรับรองจาก ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 26 ธันวาคม 2567