เหล่าซีอีโอสหรัฐเร่งตั้ง "วอร์รูมด่วน"! รับมือคำสั่งทรัมป์อันไม่คาดฝัน
ท่ามกลางนโยบายใหม่ของ ปธน.ทรัมป์ที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ธุรกิจทั่วสหรัฐต่างเร่งปรับตัวด้วยการตั้ง "วอร์รูม" รับมือความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ภาษีทรัมป์ การบุกตรวจค้นผู้ลักลอบเข้าทำงาน ไปจนถึงระเบียบการค้าโลกที่เปลี่ยนไป
หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า บริษัทในสหรัฐหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร “JPMorgan Chase” หรือแม้แต่บริษัทด้านกฎหมาย “Fisher Phillips” ได้จัดตั้งห้องวอร์รูมด่วนขึ้นมา เพื่อรับมือกับนโยบายประธานาธิบดีทรัมป์ที่อาจเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
การเปลี่ยนแปลงมีตั้งแต่ตั้งสายด่วนด้านนโยบายผู้อพยพ เพื่อช่วยลูกค้ารับมือการบุกตรวจค้น “ผู้ลักลอบเข้าประเทศ” ในสถานที่ทำงานซึ่งอาจเกิดขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกต่างตั้งทีมงาน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาษีศุลกากรใหม่ที่อาจเกิดขึ้นด้วย
“อาจจะมีความตกใจและหวาดหวั่นในวันแรก” นิค สตูเดอร์ ซีอีโอของ Oliver Wyman บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการกล่าว “ทรัมป์อยู่ในจุดสูงสุดของอำนาจตอนนี้ และนโยบายจะมีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อฝ่ายบริหารเริ่มดำเนินการ”
สตูเดอร์กล่าวเพิ่มเติมว่า “มีไม่กี่บริษัทที่เข้าใจผลกระทบของภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นอย่างเต็มที่”
Akin Gump Strauss Hauer & Feld บริษัทกฎหมายที่มุ่งเน้นลูกค้าทางธุรกิจ ได้เปิดตัวเครื่องมือ “ติดตามคำสั่ง” ของประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้น โดยบริษัทกฎหมายดังกล่าวได้โพสต์บทความสรุปคำสั่งและบันทึกสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่า เป็นคำสั่งและบันทึกสำคัญที่สุดของทรัมป์
ไบรอัน พอมเปอร์ หัวหน้าฝ่ายล็อบบี้ของบริษัทกล่าวว่า “การที่ประธานาธิบดีทรัมป์สัญญาจะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน 100 วันแรกนั้น กระตุ้นให้บริษัทของเขาเปิดตัวเครื่องมือติดตามคำสั่ง โดยในครั้งนี้ ผมให้ความสนใจกับคำสั่งของประธานาธิบดีอย่างมากในแบบที่ไม่เคยทำในปี 2021 และ 2017” พอมเปอร์กล่าว พร้อมเสริมว่าเขากำลังรับสายจากลูกค้าเกี่ยวกับคำสั่งเหล่านั้น
ด้านบิล บราวน์ ซีอีโอของ 3M ซึ่งผลิตสินค้าตั้งแต่สก็อตเทปไปจนถึงวัสดุที่ใช้ในแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้ากล่าวว่า บริษัทส่งออกสินค้าประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งมากกว่ามูลค่าสินค้าที่นำเข้ามา 1.7 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ประมาณครึ่งหนึ่งของสินค้านำเข้ามาจากเม็กซิโกและแคนาดา
“เรากำลังจับตาดูสถานการณ์นี้อย่างระมัดระวังมาก แต่เรามีเครื่องมือในการดำเนินงานมากมายที่เราสามารถใช้ได้” บราวน์กล่าว “เรามีโรงงานมากมายในสหรัฐ และเราสามารถปรับการผลิตและอาจจะนำสินค้าบางส่วนกลับมาผลิตในสหรัฐ”
“รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์จะต้องตัดสินใจว่า นี่เป็นแค่การคุยโม้ที่มีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการประนีประนอม หรือเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามภาษีและการค้า” อิไท กรินเบิร์ก ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยกฎหมายจอร์จทาวน์กล่าว “ผมหวังและเชื่อว่า นี่เป็นแค่การข่มขู่เพื่อที่จะนำไปสู่การประนีประนอม”
โรหิต คูมาร์ ผู้บริหารหลักในฝ่ายภาษีของ PricewaterhouseCoopers สาขาสหรัฐ และอดีตผู้ช่วยของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภากล่าวว่า “รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาที่พบอีเมลจำนวนมากจากผู้บริหาร ซึ่งนโยบายทรัมป์อาจสร้างความซับซ้อนให้กับบริษัทข้ามชาติมากมาย และอาจนำไปสู่การเก็บภาษีซ้ำในบางกรณีหรือหลายกรณี”
ทั้งนี้ แผนกความสัมพันธ์รัฐบาลของแต่ละธนาคารได้ศึกษาคำสั่งของประธานาธิบดี และส่งข้อสรุปให้กับผู้บริหารระดับสูง รวมถึงเจมี ไดมอน ซีอีโอธนาคาร JPMorgan Chase และธนาคารอื่นๆอย่างธนาคาร Bank of America และ Citi ก็ทำเช่นเดียวกัน โดยเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยลูกค้าและบริษัทต่างประเทศ
ในขณะนี้ บริษัทหลายแห่งยังคงกังวลเกี่ยวกับนโยบายการตรวจคนเข้าเมืองที่เปลี่ยนไป บริษัทกฎหมาย Fisher Phillips ได้เปิดตัวทีมด่วนด้านผู้อพยพในวันอังคารนี้ ซึ่งประกอบด้วยทนายความจากทั้งบริษัท เพื่อรับมือกับคำถามและความกังวลของลูกค้าที่เข้ามามากมาย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทรัมป์ได้ดำเนินนโยบายในวันแรกอย่างรวดเร็ว และมีความเสี่ยงจากการพลิกผันของนโยบายที่ไม่คาดคิด แต่ซีอีโอหลายคนก็ยังคงมองโลกในแง่ดี เกี่ยวกับนโยบายสนับสนุนธุรกิจของรัฐบาลทรัมป์
“ผมมีความหวังอย่างมีความหมายอยู่พอสมควร” คริสตอฟ ชไวเซอร์ ซีอีโอของ Boston Consulting Group กล่าว ซึ่งกำลังพบลูกค้าในดาวอส แม้จะยังมีความไม่แน่นอนอยู่ แต่เขาก็มีแนวคิดว่า “ควบคุมในสิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้”
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 23 มกราคม 2568