ทรัมป์ยอมรับ อำนาจเหนือจีนอย่างเดียว คือ ภาษี
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์ นิวส์ ว่าตนไม่ต้องการเรียกเก็บภาษีจากจีน และจีนเองก็ไม่ชอบมาตรการนี้ แต่เน้นย้ำว่าภาษีเป็นอำนาจใหญ่หลวง และเป็นอำนาจเพียงหนึ่งเดียวที่สหรัฐมีเหนือจีน พร้อมเผยถึงหัวข้ออื่น ๆ เช่น การบีบรัสเซียให้ทำข้อตกลงยุติสงครามยูเครน แผนการติดต่อคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐกล่าวว่าเขาไม่ต้องการใช้มาตรการภาษีกับจีน แต่ในขณะเดียวกันก็เน้นย้ำถึงอิทธิพลด้านภาษีต่อจีน เพราะเป็นอำนาจหนึ่งเดียวที่สหรัฐมีเหนือจีน ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสองของโลก
ประธานาธิบดีทรัมป์บอกกับฌอน ฮานนิตี้ พิธีกรฟ็อกซ์ นิวส์ (Fox News) ในการสัมภาษณ์ที่ออกอากาศในสหรัฐ เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมาว่า “เรามีอำนาจเหนือจีนอยู่หนึ่งเดียว นั่นคือภาษี แต่พวกเขา (จีน) ไม่ต้องการภาษี” “และผมไม่ต้องการใช้ภาษีนั้น แต่ภาษีเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก”
ทรัมป์ใช้ภาษีศุลกากรเป็นภัยคุกคามต่อมิตรและศัตรูบ่อยครั้ง และสหรัฐสัญญาว่าจะเพิ่มรายรับจากภาษีศุลกากรเหล่านี้ เพื่อช่วยระดมรายได้จากส่วนนี้ไปใช้ในภารกิจเร่งด่วนในประเทศ
ทรัมป์ขู่ในวันที่สองที่ดำรงตำแหน่ง ว่าอาจจะเรียกเก็บภาษีศุลกากร 10% กับจีน ซึ่งขณะนี้กำลังหารือกันอยู่ และอาจบังคับใช้โดยเร็วที่สุดในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากปล่อยให้เฟนทานิล ซึ่งเป็นสารตั้งต้นยาเสพติดไหลเข้ามาในอเมริกาผ่านทางเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งทรัมป์ได้ระบุว่าจะเรียกเก็บภาษีสองชาติเพื่อนบ้านทางใต้และทางเหนือในอัตรา 25% ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้
ความคิดเห็นล่าสุดของทรัมป์เกิดขึ้นในการสนทนาประเด็นกว้าง ๆ ซึ่งยังกล่าวถึงความท้าทายระดับโลกอื่น ๆ ที่เผชิญในสัปดาห์แรกที่ดำรงตำแหน่ง
ประธานาธิบดีสหรัฐขู่ว่าจะลงโทษรัสเซียเพิ่มเติม ด้วยมาตรการลงโทษทางการเงิน “มหาศาล” หากรัสเซียไม่ตกลงร่วมโต๊ะเจรจายุติสงครามในยูเครน อีกทั้งเรียกผู้นำอิหร่านว่าเป็นพวกหัวรุนแรงทางศาสนา และยังกล่าวอีกว่า เขายังวางแผนที่จะติดต่อหาคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนืออีกด้วย โดยกล่าวชื่นชมคิม จองอึน ว่า “เกิดบังเอิญเป็นคนฉลาด”
ทั้งนี้ หลายตลาดมองว่าเป็นสัญญาณบวกที่ทรัมป์ไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้ากับจีนตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง และการขู่ล่าสุดของเขานั้นเบากว่าเมื่อปีที่แล้วในช่วงหาเสียง ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันได้ขู่เพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนราว 60% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่าอาจส่งผลกระทบต่อการค้าสหรัฐ-จีน เนื่องจากเศรษฐกิจจีนพึ่งพาการส่งออกเป็นอย่างมาก
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 24 มกราคม 2568