มองจากมุม "ทรัมป์" ทำไมภาษีนำเข้าจะช่วยเศรษฐกิจสหรัฐ
นับตั้งแต่ที่โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศในการหาเสียงว่า จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศแบบทั่วถึงทุกประเทศและทุกรายการสินค้าในอัตรา 10-20% และเพิ่มเป็นพิเศษศำหรับสินค้าจากจีนจะเก็บอย่างน้อย 60% ก็นำมาซึ่งคำถามและการวิพากษ์วิจารณ์กันในทันทีว่า สิ่งที่ทรัมป์คิดจะทำนั้นย้อนแย้งกับผลลัพธ์ที่เขาต้องการทำให้เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง
บรรดานักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ นักลงทุน หรือแม้แต่คนทั่วไป ล้วนมองกันตามหลักการทางเศรษฐศาสตร์ว่า หากสหรัฐเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ผลกระทบโดยตรงที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐ คือ เงินเฟ้อสูงขึ้น เพราะต้นทุนภาษีจะถูกส่งผ่านไปยังราคาสินค้าที่ปลายทาง
ตามหลักการและกลไกเหล่านี้ หมายความว่า ประชาชนชาวอเมริกันเองจะเป็นผู้รับผลกระทบในรูปแบบของค่าครองชีพที่สูงขึ้น
แน่นอนว่าคนที่เป็นนักธุรกิจมาทั้งชีวิตอย่างทรัมป์ย่อมทราบหลักการทางเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นเช่นนี้ดี จึงน่าสนใจที่จะทำความเข้าใจว่า ทำไมทรัมป์ไม่หวั่นเกรงปัญหาเงินเฟ้อ และเขามั่นใจมาก ๆ ด้วยว่า การเก็บภาษีสินค้านำเข้า ซึ่งเป็นมาตรการปกป้องทางการค้า จะช่วยเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้พลเมืองอเมริกันร่ำรวยขึ้น
“แทนที่จะเก็บภาษีพลเมืองของเราเพื่อทำให้ประเทศอื่นร่ำรวยขึ้น เราจะเก็บภาษีศุลกากรและเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศ เพื่อทำให้พลเมืองของเราร่ำรวยขึ้น”
คำกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งในสุนทรพจน์ที่ทรัมป์กล่าวในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 ก่อนประกาศว่า เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ เขาจะตั้งหน่วยงานใหม่ชื่อว่า หน่วยงานจัดเก็บรายได้จากภายนอก (External Revenue Service : ERS) เพื่อจัดเก็บรายได้จากต่างประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งรวมทั้งภาษีศุลกากร และภาษีเงินได้ของบริษัทและนักลงทุนต่างชาติ
“เรากำลังจัดตั้งหน่วยงานจัดเก็บรายได้จากภายนอก (ERS) เพื่อจัดเก็บภาษีศุลกากรและรายได้ทั้งหมด ซึ่งจะมีเงินจำนวนมหาศาลจากต่างประเทศไหลเข้าสู่คลังของเรา” คำกล่าวเหล่านี้ของทรัมป์แสดงให้เห็นว่า ทรัมป์คาดหวังมากเพียงใดกับการจัดเก็บภาษีรูปแบบต่าง ๆ จากต่างประเทศ-ต่างชาติ
ในมุมมองของทรัมป์ ตามที่เขากล่าวมาตลอด เขาไม่ได้สนใจว่าการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจะทำให้เกิดเงินเฟ้อ แต่เขามองไปที่ว่า การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศเป็นการบีบให้บริษัทที่ต้องการขายสินค้าในตลาดสหรัฐ (รวมถึงบริษัทอเมริกันเอง) ต้องเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตในสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงาน เพิ่มเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจสหรัฐ และจัดเก็บภาษีเงินได้จากภาคธุรกิจได้เพิ่มอีก
หากย้อนไปดูนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ ‘การฟื้นฟูการผลิตในประเทศ’ เป็นหัวใจสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์มาตลอด ซึ่งนโยบายที่จะเก็บภาษีนำเข้าจากต่างประเทศก็เป็นเพียงมาตรการเพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านการผลิตเท่านั้น
แม้ว่ามีข้อโต้แย้งว่า ความพยายามของทรัมป์ที่จะจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าไปชดเชยภาษีธุรกิจ (ที่ทรัมป์จะปรับลดอัตราภาษีลง) นั้นไม่สามารถชดเชยกันได้ เพราะรายได้รัฐจากการจัดเก็บภาษีนำเข้านั้นไม่ใกล้เคียงกับรายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินได้ที่จะลดลงจากการลดอัตราภาษี แต่ทรัมป์ก็ยังมองว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว เพราะสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แค่รายได้จากการจัดเก็บภาษีศุลกากร แต่เป็นการดึงการผลิตเข้าสู่สหรัฐ
“ภาษีศุลกากรจะทำให้เราร่ำรวยขึ้นอย่างมาก มันจะทำให้ธุรกิจที่เคยทิ้งเราไปกลับมา” ส่วนหนึ่งในสุนทรพจน์ในวันสาบานตนรับตำแหน่ง คือสิ่งที่อธิบายความคิดทรัมป์ได้เป็นอย่างดี
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 26 มกราคม 2568