"พิชัย" กล่อม อิสราเอล ร่วมดัน FTA การค้า-ลงทุน ชูไทยเป็นแหล่งมั่นคงทางอาหาร
เมื่อวันที่ 29 มกราคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในห้วงการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum: WEF) ระหว่างวันที่ 21 – 24 มกราคม 2568 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ที่ผ่านมา ตนได้พบหารือกับนายนีร์ บาร์กัต รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอิสราเอล เพื่อผลักดัน FTA และส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยอิสราเอลเป็นประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง โดยเฉพาะด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และอิสราเอลมีการนำเข้าสินค้าอาหารจากไทยในปริมาณมาก โดยเฉพาะข้าว อาหารสำเร็จรูป อาหารทะเลกระป๋อง และผักผลไม้กระป๋อง ซึ่งไทยพร้อมจะเป็นแหล่งเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับอิสราเอล
นายพิชัย กล่าวว่า อิสราเอลต้องการขยายการค้ากับไทยให้มากขึ้น โดยเห็นว่าประเทศไทยเป็นมิตรประเทศที่สำคัญ มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางอาเซียน และมีความเป็นมิตรกับทุกประเทศสำคัญในโลก อาทิ จีน สหรัฐ สหภาพยุโรป และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศในตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน ตนเห็นว่า อิสราเอลเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีสูง การร่วมมือระหว่างกันก็จะเป็นประโยชน์ต่อไทยในการเรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีจากอิสราเอล
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า มีการหารือถึงเรื่องเทคโนโลยีต่างๆที่ทางอิสราเอลมีความถนัด เช่น เทคโนโลยีทางการเกษตร การเลี้ยงทูน่า และเรื่อง Food Security (ความมั่นคงทางอาหาร) ที่ต้องการให้ไทยเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารให้กับอิสราเอล และทั้งสองฝ่ายมีความต้องการที่จะจัดทำ FTA ระหว่างกัน โดยจะเริ่มจากการจัดทำ JTC (คณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ Joint Trade Committee) ก่อนที่จะนำไปสู่ FTA ระหว่างไทยกับอิสราเอลต่อไป นอกจากนี้ทางอิสราเอลยังมีความต้องการแรงงานจากไทย เพราะเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ ซึ่งตนได้ฝากถึงเรื่องแรงงานไทยในอิสราเอลว่าให้ดูแลความปลอดภัยของแรงงานไทยให้มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในปี 2567 อิสราเอลเป็นคู่ค้าอันดับที่ 39 ของไทยในตลาดโลก และอันดับที่ 6 ในตะวันออกกลาง การค้าสองฝ่าย มีมูลค่า 1,281.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกของไทย 813.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าของไทย 468.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน อาหารทะเลกระป๋อง อัญมณีและเครื่องประดับ ข้าว ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง และส่วนประกอบ และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เพชร เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืช ผักผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผักผลไม้ และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 29 มกราคม 2568