Big Brother ซีซั่น 9 พร้อมลุย ปีที่แล้วช่วย SMEs โตกว่า 1,300 ล้านบาท
สนั่น เผยโครงการ Big Brother (Season 8) สร้างการเติบโตให้ SMEs มากกว่า 1,300 ล้านบาท ภายใน 1 ปี คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 28% มากกว่า SMEs ทั่วไปที่โตเพียง 3.2% ต่อปี พร้อมลุยต่อปีนี้
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการ Big Brother ปัจจุบันหอการค้าไทยได้ดำเนินโครงการมาแล้วทั้งสิ้น 8 Season ทำให้เห็นพัฒนาการของบริษัทน้องเลี้ยง จากการดูแลอย่างตั้งใจของบริษัทพี่เลี้ยงที่มีความพยายามในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และประสบการณ์จากการดำเนินธุรกิจจากบริษัทขนาดใหญ่
รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ในโครงการ จากการสนับสนุนของสถาบันการศึกษาและสถาบันการเงิน เข้ามาร่วมเป็นกำลังสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจของบริษัทน้องเลี้ยง สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง
“โครงการ Big Brother ถือเป็นหนึ่งใน Flagship Projects ที่หอการค้าไทย ร่วมกับบริษัทพี่เลี้ยง 29 องค์กร ช่วยกันผลักดัน SMEs ไทยให้เติบโต ผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์การบริหารธุรกิจ จากบริษัทใหญ่สู่บริษัทเล็ก มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มช่องทางการขาย โดยคำนึงถึง เทรนด์สำคัญทางธุรกิจที่จำเป็นต่าง ๆ เพื่อให้ SMEs พร้อมรับมือสู่อนาคต
เช่น การปรับตัวเข้าสู่ Digital ผ่านการใช้เครื่องมือต่าง ๆ โดยเฉพาะ Generative AI ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในทำงานของธุรกิจ นอกจากนี้ยังสร้างความตระหนักในเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) เนื่องจากมี SMEs จำนวนไม่น้อยที่อยู่ใน Supply Chain ของบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้โดยตรง
ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจของ SMEs ไทย ในยุคปัจจุบัน ที่สิ่งต่าง ๆ ล้วนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หอการค้าไทย ในฐานะองค์กรภาคเอกชน ที่รวบรวมองค์ความรู้จากบริษัทขนาดใหญ่ มองเห็นถึงความสำคัญในการถ่ายทอดประสบการณ์ต่าง ๆ ไปยังสมาชิกผู้ประกอบการ SMEs สอดคล้องกับแนวทาง Inclusive growth การเติบโตอย่างทั่วถึง หรือการเติบโตที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังตามเจตนารมณ์ของหอการค้าไทยมาโดยตลอด” นายสนั่นกล่าว
ในปี 2567 ที่ผ่านมาก หอการค้าไทยรับบริษัทน้องเลี้ยง ภายใต้โครงการ Big Brother (Season 8)
จำนวนทั้งสิ้น 76 ราย โดยมีสัดส่วนของภาคการผลิต ภาคการค้า และภาคบริการใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดยังคงเป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อยู่ที่ 27 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 35.53 รองลงมาคือกลุ่มธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีก และกลุ่มท่องเที่ยวและบริการ ในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน คือกลุ่มละ 18 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 23.68
ทั้งนี้ สำหรับผลสำเร็จของโครงการ Big Brother (Season 8) จากบริษัทน้องเลี้ยง จำนวน 74 ราย ที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการตลอดระยะเวลาโครงการ 1 ปี (2 รายติดภารกิจไม่สามารถเข้าร่วมจนจบหลักสูตร) ประเมินโดยทางศูนย์เอสเอ็มอี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า
• การเพิ่มขึ้นของมูลค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ “รายได้หรือกำไรที่เพิ่มขึ้น” ซึ่งประเมินจากตัวชี้วัดด้าน “ยอดขายที่เพิ่มขึ้น” และ “ต้นทุนที่ลดลง” มีผู้ประกอบการจำนวน 33 ราย คิดเป็นร้อยละ 45.83 มีผลการดำเนินงานด้านการเงินของธุรกิจสูงขึ้น โดยประมาณการเพิ่มสูงขึ้น 350.41 ล้านบาทต่อปี หรือเฉลี่ย 10.6 ล้านบาทต่อราย ซึ่งมีอัตราการเพิ่มขึ้นของมูลค่าที่มีตั้งแต่ในระดับร้อยละ 0.39 ไปจนถึงร้อยละ 4,310.66 โดยค่าเฉลี่ยมูลค่าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 28.66
• การขยายช่องทางการขาย ซึ่งประเมินจากตัวชี้วัดด้าน “การเพิ่มขึ้นของช่องทางจำหน่ายและจำนวนลูกค้าใหม่” “การขยายสาขาใหม่ ๆ ของธุรกิจ” “การขยายสาขาของธุรกิจแฟรนไชส์ (Franchise) ด้วยจำนวนผู้ซื้อแฟรนไชส์ที่เพิ่มขึ้น” และ “การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์” ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า มีผู้ประกอบการจำนวน 17 ราย คิดเป็นร้อยละ 23.61
• การเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งประเมินจากตัวชี้วัดด้าน “การปรับปรุงโครงสร้างองค์กร”
“การกำหนดตัวชี้วัด” “การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการ” ทั้งทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ และการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง รวมถึง “การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต” มีผู้ประกอบการจำนวน 15 ราย คิดเป็นร้อยละ 20.83
• ผลลัพธ์ในด้านอื่น ๆ ได้แก่ การได้รับองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ในการดำเนินกิจการของบริษัท การจัดอบรม รวมไปถึงการได้รับเครื่องมือต่าง ๆ เช่น เครื่องมือทางด้านบัญชีและการเงิน ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ซึ่งมีผู้ประกอบการจำนวน 7 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.72
ทั้งนี้ บริษัทน้องเลี้ยงบางรายยังอยู่ระหว่างดำเนินการ หากดำเนินการตามคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง จนแล้วเสร็จตามที่บริษัทพี่เลี้ยงได้แนะนำไว้ ทางศูนย์เอสเอ็มอี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สามารถประมาณการเป็นมูลค่าการเติบโตของรายได้หรือกำไรที่เพิ่มขึ้นได้ถึง 1,374.85 ล้านบาท
โดยใช้อัตราการเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันกับอัตราค่าเฉลี่ยของบริษัทน้องที่สามารถวัดมูลค่าผลการดำเนินงานทางการเงิน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 28.66 ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการอัตราการเติบโตของ SMEs ไทยในปี 2567 ที่คาดการว่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 3.2 ต่อปี (ประมาณการโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว.)
นายพลิษศร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการเพิ่มความเข้มแข็งให้สมาชิก กล่าวว่า “ผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า “Coaching & Mentoring” จากที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นรูปแบบที่สามารถช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs ที่เห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน
สำหรับก้าวต่อไปของโครงการ Big Brother ใน Season 9 นี้ เราได้ตระหนักถึงการนำเทคโนโลยีและเครื่องมือต่าง ๆ เช่น AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการทำธุรกิจ ได้อย่างลงตัว เป็นการทำงานร่วมมือกันด้วยกระบวนการ “พี่ช่วยน้อง” ของบริษัทชั้นนำของประเทศ เพื่อเพิ่มเติมองค์ความรู้ในมิติต่าง ๆ มากขึ้น
อีกทั้งยังมุ่งเน้นเนื้อหาที่เข้มข้นในการสร้างความยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการไทย รวมไปถึงโอกาส Business Networking มากขึ้น ตามแนวคิด Sustainable Path For Intelligence Growth ผนวกกับกิจกรรมตามแผนงานโครงการฯ จะเป็นลักษณะ Hybrid คือ ผสมผสานระหว่างการทำกิจกรรมร่วมกันในรูปแบบ Online และ On-site โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 8 เดือน ในการบ่มเพาะบริษัทน้อง
สำหรับโครงการ Big Brother (Season 9) ได้เปิดรับสมัครเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ หากท่านใดสนใจสามารถสมัครได้ตามช่องทางต่าง ๆ ของหอการค้าไทย” นายพลิษศร์ กล่าว
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 29 มกราคม 2568