"เวียดนาม" อนุมัติแผนสร้างทางรถไฟมูลค่า 2.7 แสนล้านบาท เชื่อมเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามเข้ากับชายแดนจีน เพื่อช่วยกระตุ้นการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

 

รัฐสภาของเวียดนาม อนุมัติ “แผนการก่อสร้างทางรถไฟ” มูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2.7 แสนล้านบาท เพื่อเชื่อมจากเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือของประเทศไปยัง “ชายแดนจีน” ซึ่งจะช่วยเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศคอมมิวนิสต์ และอำนวยความสะดวกด้านการค้า

 

เส้นทางรถไฟสายใหม่นี้ จะพาดผ่านศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของเวียดนาม ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทระดับโลกอย่าง Samsung, Foxconn, Pegatron และบริษัทอื่น ๆ อีกมากมาย โดยหลายแห่งพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนจากจีนอย่างต่อเนื่อง

 

เส้นทางนี้จะมีระยะทาง 390 กิโลเมตร จากเมืองท่าไฮฟองไปยังเมืองหล่าวกาย ซึ่งติดกับมณฑลยูนนานของจีน และจะผ่านกรุงฮานอยด้วย

 

สำหรับโครงการนี้ จีนจะให้เงินทุนบางส่วนกับเวียดนามผ่านเงินกู้ ซึ่งคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ โดยเป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟสองสายที่เวียดนามวางแผนจะสร้างเพื่อเชื่อมต่อกับจีน ภายใต้โครงการ “สองระเบียง หนึ่งแถบ” อันสอดคล้องกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของจีนที่เรียกว่า “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”

 

 

การอนุมัติโครงการนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งปี หลังจากที่ทั้งสองประเทศให้คำมั่นจะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น ระหว่างการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขณะที่จีนพยายามถ่วงดุลอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐในกรุงฮานอย

 

แดน มาร์ติน ที่ปรึกษาด้านธุรกิจระหว่างประเทศจาก Dezan Shira & Associates กล่าวว่า ทางรถไฟสายใหม่นี้สามารถช่วยแก้ปัญหาการติดขัดในห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันต้องพึ่งพาการขนส่งด้วยรถบรรทุกที่ทั้งล่าช้า มีต้นทุนสูง และมักเผชิญปัญหาคอขวดที่พรมแดน

 

“จีนเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบจำนวนมากที่ขับเคลื่อนภาคการผลิตของเวียดนาม ดังนั้นการรักษาความต่อเนื่องของเส้นทางนี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญ” มาร์ตินกล่าว

 

เวียดนามระบุว่า จะเริ่มการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการทางรถไฟสายไฮฟอง-หล่าวกาย ในปีนี้ และตั้งเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในปี 2030 แม้ว่าประเทศจะเคยมีประวัติความล่าช้าในการดำเนินโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มาก่อนก็ตาม

 

เส้นทางนี้จะพาดผ่าน 9 จังหวัดและเมืองต่าง ๆ โดยจะใช้แนวเส้นทางเดิมของทางรถไฟที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส

 

ในปัจจุบัน รถไฟบนเส้นทางเดิมสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วเพียง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เวียดนามระบุว่า เส้นทางใหม่จะรองรับทั้งขบวนรถโดยสารและรถขนส่งสินค้า ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

 

ฟาม ทู ฮัง โฆษกกระทรวงต่างประเทศเวียดนามกล่าวว่า ทางรถไฟสายนี้จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ รวมถึงในระดับภูมิภาค

 

นอกจากนี้ สมาชิกสภานิติบัญญัติเวียดนามได้อนุมัติเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่สำหรับปี 2025 อย่างน้อย 8% ตามที่รัฐบาลเสนอ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ 6.5% ถึง 7%

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568