เวียดนามปรับเป้าจีดีพีโตเพิ่มเป็น 8% พร้อมอนุมัติขยายโครงสร้างพื้นฐาน
เวียดนามปรับเป้าจีดีพีโตเพิ่มเป็น 8% พร้อมอนุมัติขยายโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ เช่น ทางรถไฟเชื่อมต่อจีนกับเวียดนาม ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรก อนุมัติดาวเทียมสตาร์ลิงก์ และหนุนอุตสาหกรรมผลิตชิปในประเทศ
มติชนรายงานโดยอ้างอิงสำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) ว่า ในการประชุมสมัชชาแห่งชาติหรือรัฐสภาของเวียดนาม เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมได้อนุมัติการเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2025 ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างน้อยกว่า 8% ตามรายงานที่รัฐบาลนำเสนอ จากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ที่ 6.5-7.0% นอกจากนี้ที่ประชุมยังลงมติเห็นชอบในโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ ซึ่งรวมถึงการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศและทางรถไฟเชื่อมจีน
รายงานของรัฐบาลที่นำเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติระบุว่าด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วขึ้น เสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคยังคงต้องได้รับหลักประกัน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุม โดยอัตราเงินเฟ้อของเวียดนามในปีนี้จะคงรักษาให้อยู่ที่ระหว่าง 4.5-5.0%
สมัชชาแห่งชาติเวียดนามยังอนุมัติเห็นชอบในโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่เชื่อมระหว่างท่าเรือสำคัญทางตอนเหนือของเวียดนามกับประเทศจีน คาดว่ามีมูลค่า 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งงบประมาณส่วนหนึ่งจะได้รับการสนับสนุนเป็นเงินกู้จากรัฐบาลจีน
นอกจากนี้ยังมีการอนุมัตินโยบายในการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกของเวียดนามที่มีกำหนดจะสร้างขึ้นภายในสิ้นปี 2031 อีกทั้งยังอนุมัติกฎเกณฑ์ที่จะอนุญาตให้โครงข่ายดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ของอีลอน มัสก์ ให้บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียมในเวียดนาม และแผนการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทท้องถิ่นในการเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ด้วย
ทั้งนี้เวียดนาม ซึ่งเป็นศูนย์กลางผลิตในภูมิภาคที่พึ่งพาการส่งออกเป็นอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น กำลังพยายามที่จะเพิ่มการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานให้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นการเติบโตของประเทศ
แผนลดรายจ่ายภาครัฐ
นอกจากนี้ ตามการรายงานของบลูมเบิร์ก (Bloomberg) เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติเวียดนามมีมติรับรองแผนปฏิรูปยกเครื่องระบบราชการครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่สมัย 1980 ภายใต้แผนการดังกล่าว จะมีการสั่งยุบหรือควบรวมหน่วยงานรัฐ รวมถึงสถานีโทรทัศน์ของรัฐ ซึ่งอาจกระทบเจ้าหน้าที่รัฐหรือนำไปสู่การเลิกจ้างกว่า 100,000 อัตรา คิดเป็นราว 20%
การปฏิรูปในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดยโต เลิม (To Lam) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า การปฏิรูปจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามย้ำว่า การปฏิรูปดังกล่าวจะไม่ทำให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ ต้องขาดตอน รวมถึงมีการมอบเงินชดเชยให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ถูกเลิกจ้าง
การปฏิรูปดังกล่าวเกิดขึ้น ขณะที่รัฐบาลกำลังพยายามผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เป็น 8% และมุ่งหวังที่จะยกระดับการเติบโตให้แตะเลขสองหลักในปีต่อ ๆ ไป
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568