เมื่อวันที่ 4 มีนาคม นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 31 วันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่รัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า 

 

ประเทศสมาชิกอาเซียน เห็นชอบแผนงานด้านเศรษฐกิจสำคัญของปี 2568 ภายใต้วาระประธานอาเซียนของมาเลเซีย โดยอาเซียนจะเร่งรัดการเจรจาความตกลงเศรษฐกิจสำคัญหลายฉบับให้บรรลุผลในปี 2568 โดยเฉพาะการเจรจายกระดับเอฟทีเอ 3 ฉบับ ได้แก่ 

 

ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ATIGA) ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA 3.0) ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย (AITIGA) เร่งสรุปผลการเจรจากรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) รวมทั้งการประกาศเริ่มต้นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) ประกอบด้วย 6 ประเทศ ได้แก่ 

 

ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน เพื่อขยายความหลากหลายของการค้าไปตลาดนอกภูมิภาค ซึ่งคาดว่าปี 2568 จีดีพีอาเซียนจะขยายตัว 4.7%

 

“ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าภูมิภาคยังคงเผชิญความท้าทายจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และจะหลีกเลี่ยงผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ 2.0 ได้ยาก โดยห่วงกังวลถึงผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตของภูมิภาค จึงให้เตรียมความพร้อม โดยเน้นเสริมการค้าและการลงทุนภายในกลุ่มในเชิงลึก พร้อมกระชับความร่วมมือกับสหรัฐฯในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายเห็นประโยชน์ร่วมกัน ผ่านกรอบความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอาเซียน-สหรัฐฯ ที่มีอยู่ ” นางสาวโชติมา กล่าว

 

นอกจากนี้ อาเซียนได้สรุปร่างแผนยุทธศาสตร์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 5 ปี (2569-2573) ภายใต้วิสัยทัศน์อาเซียน 20 ปีใหม่เรียบร้อยแล้ว กำหนดจะเสนอผู้นำอาเซียนรับรองในเดือนพฤษภาคมนี้ และได้นัดประชุมติดตามผลการดำเนินการครั้งถัดไปในเดือนกันยายน 2568 ก่อนนำเสนอผลลัพธ์สำคัญต่อผู้นำอาเซียนในปลายปีนี้

 

ทั้งนี้ ปี 2566 อาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจมูลค่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก รองจากสหรัฐฯ จีน เยอรมนี และญี่ปุ่น และมีสัดส่วน GDP คิดเป็นร้อยละ 3.6 ของ GDP โลก โดยในปี 2567 การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 120,628 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 4.3 จากปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 70,165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 และไทยนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า50,463 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป และอัญมณีและเครื่องประดับ และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ แผงวงจรไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 4 มีนาคม 2568