สรุป "การประชุมสองสภาจีน" ประจำปี 2025 ย้ำการเร่งหนุน AI ในชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา สร้างความแกร่งให้กองทัพ รักษาความมั่นคงทางอาหาร และไม่อ่อนข้อเรื่องไต้หวัน

 

ใน “การประชุม 2 สภาจีน” ซึ่งถือเป็นการประชุมทางการเมืองยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปีของแดนมังกรที่ได้สิ้นสุดไปแล้วในวันนี้ 11 มี.ค. โดยผลของการประชุม คือ ผู้แทนได้ลงมติผ่านร่างกฎหมาย 7 ฉบับ รวมถึงข้อเสนอแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับผู้แทนในสภาระดับชาติและท้องถิ่น โดยระบุว่า ผู้แทนควรยึดมั่นในแนวคิดสีจิ้นผิงว่าด้วย “สังคมนิยมอันมีอัตลักษณ์จีนยุคใหม่” นี่คือ “5 ประเด็นสำคัญ” จากการประชุมสองสภาจีนที่จัดขึ้นยาว 8 วันที่เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียสรุปไว้ดังนี้

 

(1)ส่งเสริม AI ในประเทศ นำโดย DeepSeek

 

สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง DeepSeek เป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงมากในงานสองสภา ก่อนที่การประชุมของสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) จะเริ่มต้น โฆษกสภาได้ชื่นชมแนวทางแบบโอเพ่นซอร์สของบริษัทที่เผยแพร่ “ปัญญาจีน” สู่สายตาของโลก

 

 

รายงานการทำงานของรัฐบาลที่นำเสนอโดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เน้นย้ำถึง “ความสำเร็จใหม่” ของจีนในด้าน AI และให้คำมั่นว่า จะมีการจัดสรรงบประมาณสำหรับอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต เช่น หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

 

(2)กระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่ซบเซา

รายงานการทำงานของรัฐบาลจีนได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ “ราว 5%” สำหรับปี 2025 ซึ่งเท่ากับเป้าหมายของปีที่แล้ว

 

นอกจากนี้ จีนได้ระบุแผนกระตุ้นเศรษฐกิจหลายประการเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ซึ่งรวมถึงโครงการเงินอุดหนุนผู้บริโภคมูลค่า 300,000 ล้านหยวน (ราว 1.4 ล้านล้านบาท) รวมถึงการอัดฉีดเงิน 500,000 ล้านหยวน (ราว 2.3 ล้านล้านบาท) เข้าสู่ธนาคารของรัฐ และการเพิ่มวงเงินพันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่นอีก 500,000 ล้านหยวน (ราว 2.3 ล้านล้านบาท) นอกจากนี้ยังได้ปรับเพิ่มอัตราส่วนการขาดดุลงบประมาณต่อ GDP เป็น 4% จาก 3% ในปีที่แล้ว

 

(3)เสริมสร้างกองทัพจีนให้แกร่ง

สำหรับงบประมาณทางทหารของจีน ยังคงขยายตัวเร็วกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเป้าหมายการเติบโตของงบประมาณกองทัพในปี 2025 ตั้งไว้ที่ 7.2% ซึ่ง อู๋ เฉียน โฆษกของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า การใช้จ่ายจะสูงถึง 1.81 ล้านล้านหยวน (ราว 8.4 ล้านล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าตัวเลขที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.78 ล้านล้านหยวน 

 

ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร นี่คืองบประมาณด้านการป้องกันที่ “ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” ซึ่งมากกว่างบประมาณการป้องกันของญี่ปุ่นที่จะเริ่มในเดือนเมษายนถึง 4 เท่า

 

(4)รักษาความมั่นคงทางอาหาร 

 

“ความมั่นคงทางอาหาร” เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่จีนให้ความสำคัญ แม้ว่าผลผลิตธัญพืชทั้งหมดของประเทศในปีที่แล้วจะเกิน 700 ล้านตัน ซึ่งเป็นสถิติใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงได้เรียกร้องให้พัฒนาทรัพยากรอาหาร “ในทุกด้าน”

 

ฮั่น จุน รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและกิจการชนบทของจีนเตือนถึงการหลงระเริงในความสำเร็จ โดยกล่าวว่า “เราต้องพึ่งพาตัวเองในการเลี้ยงประชากร 1.4 พันล้านคน” เขากล่าว “คุณไม่สามารถพึ่งพาคนอื่นได้”

 

(5)แสดงความแข็งแกร่งและเต็มใจในการเจรจา

 

ในการแถลงข่าวที่จัดเตรียมมาอย่างดีและเต็มไปด้วยการอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนได้เน้นย้ำถึง “ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด” ระหว่าง “จีน” กับ “รัสเซีย” และการสร้างภาพลักษณ์ของจีนในฐานะผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาในกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ 

ในขณะเดียวกัน หวังได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อสหรัฐ และพันธมิตรใกล้ชิดอเมริกาอย่างญี่ปุ่นและไต้หวัน โดยกล่าวถึงข้อกล่าวหาของวอชิงตันเรื่องจีนเป็นแหล่งตั้งต้นของยาเสพติด “เฟนทานิล” ว่าเป็น “ข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล” พร้อมวิจารณ์ท่าทีของรัฐบาลทรัมป์ว่า “ตีสองหน้า”

 

เมื่อเอ่ยถึงไต้หวัน หวังไม่ได้มุ่งวิจารณ์บทบาทของสหรัฐในการปกป้องประชาธิปไตยของเกาะ แต่กลับมุ่งไปที่กรุงโตเกียว โดยได้ประณามแนวคิดที่ว่า “วิกฤติในไต้หวัน คือวิกฤติในญี่ปุ่น” พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าในปีนี้ เป็นครบรอบ 80 ปีของ “การปลดปล่อยไต้หวัน” และการกลับคืนสู่อ้อมอกของ “อาณาเขตจีน” ซึ่งเป็นผลมาจากสงครามต่อต้านญี่ปุ่นที่ชาวจีนได้รับชัยชนะ

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 11 มีนาคม 2568