การยกเว้นวีซ่าแก่จีนที่ไม่คุ้มค่าและอันตราย
สืบเนื่องจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ประกาศยกเว้นการตรวจลงตราหรือวีซ่าแก่จีนให้ฝ่ายเดียวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 และประเทศต่าง ๆ อีกมากเป็นการชั่วคราว และต่อมาทำความตกลงทวิภาคีไทย-จีน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 ด้วยเหตุผลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังจากที่ไทยประกาศยกเว้นวีซ่าแก่สหรัฐฯ แคนาดา ประเทศตะวันตกจำนวนมาก ที่เรียกว่า ผ่อนผัน 30 วัน (ผ. 30) ตั้งแต่ช่วงสงครามเย็นมาช้านาน
ไทยมีความคุ้นเคยเป็นมิตรกับต่างชาติเพราะมีอัธยาศัยที่ดี มิเคยเป็นอาณานิคมของตะวันตก รอดพ้นจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเวียดนามแม้ว่าจะเป็นฝ่ายผู้แพ้ ส่งผลให้มีอุปนิสัยใจคอและลักษณะประจำชาติที่เป็นเอกลักษณ์
ไทยคาดหมายมากจากการท่องเที่ยวของคนต่างชาติ เพื่อเป็นเครื่องจักรหลัก คือ ต่ำกว่าร้อยละ 9 ของจีดีพี ขึ้นอยู่กับจำนวนคนและรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งช่วงที่ผ่านมาการเจริญเติบโตของจีดีพีลดลงต่ำกว่าร้อยละ 3 คือต่ำสุดในอาเซียน ขณะที่การส่งออก เครื่องจักรอีกตัวหนึ่ง คือร้อยละ 65การเจริญเติบโตอยู่ในระดับต่ำเกือบจะติดลบ อาการไม่น่าไว้ใจ ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำ อย่างไรก็ดี ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็งเป็นทุนอยู่แล้ว แต่น่าจะต้องปฏิวัติวิธีการจัดการและประยุกต์ใช้วิทยาการที่ทันสมัยยิ่ง อนึ่ง ระบบการเมืองที่เป็นเสรีนิยมในระดับหนึ่งยังเป็นปัจจัยบวก
เป็นที่น่าสังเกตว่า รัฐบาลปัจจุบัน นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งถนัดกับการแจกเงินโอนเงินแก่ผู้มีความเปราะบาง ผู้สูงอายุ ในแนวทางป๊อปปูลิสม์เพื่อเบนความสนใจ เมื่อไม่นานนี้ นำเสนอข้อดำริที่จะทำ “เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์” ในด้านต่าง ๆ ขณะที่ผู้วิจารณ์เตือนถึงการมีกาสิโนเสรีแอบแฝง นัยว่า เพื่อดึงดูดให้เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยจำนวนมากขึ้นได้เล่นได้มีความบันเทิง
ซึ่งนั่นเป็นข้อกล่าวหาที่น่ากลัว เพราะว่ามีคนห่วงกังวลว่าประชาชนชาวไทยจำนวนหนึ่งนิยมเล่นการพนัน แต่ยิ่งเล่นยิ่งจน การพนันขันต่อพัฒนาขึ้นจากกัดปลา ตีไก่ เล่นหวย ล็อตเตอร์ลี่ พนันออนไลน์ จากกีฬาสารพัดประเภท รัฐบาลเหมือนไม่ทราบนิสัยก็ออกล็อตเตอร์ลี่รูปแบบใหม่ขึ้นมาเนืองๆ
การที่รัฐบาลชุดก่อนถึงชุดปัจจุบัน ซึ่งก็มาจากโครงสร้างพรรคกลุ่มเดียวๆ กัน ส่งเสริมการยกเว้นวีซ่าแก่คนจีน เพื่อให้มาท่องเที่ยวในไทย เป็นการตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ ผิดพลาด อันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้
ตลาดและทรัพยากรการท่องเที่ยว ศักยภาพยังไม่พร้อม ทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นผลลัพธ์มิใช่รายได้ของประชาชนและอุตสาหกรรมในไทย ขณะเดียวกัน รัฐขาดรายได้จากค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราและอื่น ๆ ที่พึงมีพึงได้ ซึ่งแท้จริงควรปรับปรุงให้สูงขึ้นตามยุคสมัยได้
ความไม่รอบคอบ คือ ยังมิได้วางระบบหรือมาตรการบันทึกการเข้าเมืองที่เป็นมาตรฐานชัดเจนและสมบูรณ์ ดังเช่นกล่าวกันว่า ซอฟท์แวร์ข้อมูลเต็มในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร กับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดังนั้น จึงมีคนเข้าเมืองอยู่นอกระบบการจัดเก็บข้อมูลนับ 17 ล้านคน
เหล่านี้ชวนให้สงสัยว่า เราเก็บข้อมูลบรรดาแรงงานต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้านได้ครบถ้วนเพียงไรหรือไม่ด้วย เพราะทุกวันนี้ เรามีทั้งนักท่องเที่ยว ผู้รับจ้างทำงาน ผู้แอบลักลอบทำงานทั้งถูกกฎหมาย ผิดกฎหมาย ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติมหาศาล แต่เรามีความตั้งใจมั่นไหม มีงบประมาณ ทรัพยากร กำลังพลบังคับใช้กฏหมายเพียงพอไหม
ความผิดพลาดและมิได้วางแผนไว้ก่อน กล่าวคือ ประเทศที่พัฒนาแล้ว จะวางแผนไว้ล่วงหน้าว่า จะยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศใด ประเทศนั้นจะยกเว้นเป็นการตอบแทนไหม หรือว่า คนไทยนิยมหรือประสงค์เดินทางไปประเทศนั้น ๆ หรือไม่ เช่น เมื่อไทยทำความตกลงยกเว้นวีซ่ากับรัสเซีย เมื่อสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ขณะนั้น) ปี ก็ไม่ทราบว่ารัฐบาลนั้นต้องการอะไรแท้จริง เพราะคนรัสเซียเข้าประเทศไทยจำนวนถึง 1.47ล้านคน
ขณะที่คนไทยไปรัสเซียมีจำนวนเพียง 71,095 คน จากสถิติเมื่อปี 2561 หรืออีกตัวอย่าง คือ ขณะที่ไทยยกเว้นวีซ่าแก่คนจีนเมื่อปี 2566 นั้น ไทยก็มิได้ขอยกเว้นฯ ต่างตอบแทน หรือถึงจะขอไป จะมีคนไทยเดินทางไปจีนจำนวนมากไหม ดูเหมือนว่าคนไทยนิยมเดินทางไปอเมริกาและยุโรปมากกว่า ซึ่งเขามิได้ยกเว้นวีซ่าให้คนไทยแต่อย่างใด
หนักที่สุดคือ ความมั่นคงแห่งชาติ เพราะหมายถึงเสถียรภาพและความปลอดภัยภายในประเทศ แม้จะดูเป็นมิตร แต่เราต้องระลึกว่า เราและจีน ต่างมีลัทธิอุดมการณ์ต่างกันสิ้นเชิง เขามีประชากร ณ ครั้งหนึ่งมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก เศรษฐกิจใหญ่อันดับสอง มีอิทธิพลทางการเมืองเศรษฐกิจการค้าเหนือประเทศเพื่อนบ้านของเราเหมือนเป็นมณฑลหนึ่งของจีน ขณะนี้ การยกเว้นวีซ่าระหว่างกันทำให้เราและเขาแทบจะควบคุมการไปมาหาสู่กันหรือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติมิได้ หรือทำได้แต่ไม่ดีเท่าที่ควร
ช่วงที่ผ่านไป มีการระบาดของปัญหาคอลล์เซ็นเตอร์ เพราะเทคโนโลยี่ทำให้อาชญากรรมข้ามไปสู่ชาติต่าง ๆ ง่ายขึ้นรวดเร็วขึ้น รัฐบาลจีนก็คุมไม่อยู่ รัฐบาลไทยก็คุมไม่อยู่ สังเกตได้จากการวิ่งตามจับกุมในคดีต่าง ๆ ระงับกระแสไฟฟ้าการส่งสัญญาณเครือข่ายตามแนวชายแดนและการระบาดของภัยจากอาชญากรรมไซเบอร์
ข้าพเจ้าเป็นนักการทูตมาตลอดชีวิต ตั้งแต่เรียนหนังสือและทำงาน บัดนี้ พ้นวัยทำงานเต็มเวลา แต่ก็ใคร่ขอเสนอแนะต่อผู้มีอำนาจหน้าที่พิจารณา ดังนี้
ประการแรกที่สุด :
ถึงเวลาที่เราต้องขอทบทวนและเหยียบเบรกต่อการบังคับใช้ความตกลงยกเว้นวีซ่ากับจีนและประเทศต่าง ๆ ที่มีปัญหาการเข้าเมือง การลักลอบประกอบอาชีพโดยผิดกฎหมาย การตั้งแก๊งอิทธิพล อาชญากรรมข้ามชาติ หรือกับประเทศที่ไม่ได้มีการปฏิบัติต่างตอบแทน (คือ ไทยให้แต่ฝ่ายเดียวมาตลอด) หรือ กับประเทศที่คนไทยมิได้เดินทางไปเลย คือไทยเสียเปรียบ แล้วมาเริ่มต้นใหม่ เพราะการพิจารณาตรวจลงตราระหว่างกันเป็นการใช้อำนาจอธิปไตยควบคุมขอบเขตการติดต่อ กลั่นกรอง
บันทึกการเดินทางและผู้เดินทางเข้าออก ดูเผินๆ อาจเหมือนอำนาจนิยม แต่ในเมื่อการเดินทางเสรีได้สร้างปัญหาขึ้นมาก ก็ต้องกลับมานับหนึ่งกันใหม่ อัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรามิใช่ประเด็นสำคัญ ผู้เดินทางชำระได้ไม่ยาก เพราะไม่สูงนัก เราไม่ต้องไปคิดแทนเขา นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทย เพราะเศรษฐกิจอาชีพมั่นคง ความปลอดภัย ไม่ถูกทำร้ายหรือถูกลักพาโดยพวกคอลล์เซ็นเตอร์ เรื่องค่าวีซ่ามิใช่ประเด็นใหญ่การพิจารณาตรวจลงตราของประเทศสำคัญ ๆ เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ตะวันตกทั้งหลายกลั่นกรองละเอียดยิ่งนัก คนไทยยังอยากเดินทางไป คนจีนก็อยากไป แม้มีค่าใช้จ่ายสูง การยุติการให้การยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศใหญ่ ๆ เช่น จีน รัสเซีย น่าจะช่วยการปราบปรามปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ รวมทั้งคอลล์เซ็นเตอร์ การตั้งแก๊งอิทธิพลที่กำลังระบาดหนักในไทย
ประการที่สอง :
การเสนอให้กลับมาใช้วีซ่าอนุมัติการเข้าประเทศเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการไหลบ่าหลั่งไหลของคนจีนและคนต่างด้าวบางสัญชาติเป็นบ่อเกิดแห่งปัญหาและเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลและราชการจำต้องมีสมาธิและวางแผนที่ดีรับมือกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาตินานับประเภท เราสามารถยุติบังคับใช้กฎหมาย ข้อตกลงและนโยบายที่มีจุดโหว่บกพร่องได้
ประการที่สาม :
ไทยและทุกประเทศที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องเข้าใจว่า นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเมื่อเศรษฐกิจธุรกิจบ้านเมืองของตนมั่นคงรุ่งเรืองอยู่ดีกินดีเพียงพอ แหล่งท่องเที่ยวมีเสถียรภาพ ปลอดภัยจากการก่อการร้าย การถูกจับจ้องเรียกค่าไถ่ ภัยพิบัติ การต่อต้านชาวต่างชาติ หรือการรุมโทรมนักท่องเที่ยวหญิง มีความสะดวกสบายน่าท่องเที่ยว อาจไม่จำเป็นที่ต้องยกเว้นวีซ่าเพราะทุกคนมีที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมอยู่แล้ว อีกทั้งระยะเวลาการอนุญาตเข้าประเทศก็ไม่จำเป็นต้องเปิดกว้างถึง 60 หรือ 90 วัน เพราะเขาต้องประกอบอาชีพ มีกิจธุระต้องทำ มีประเทศอื่น ๆ ต้องไปท่องเที่ยว ดังจะเห็นได้ว่า บัดนี้ หลังจากมีการยกเว้นฯ มาเพียง 1 ปีเศษ มีเสียงทักท้วงร้องเรียนปัญหามามากมาย เพียงแต่ผู้มีอำนาจหน้าที่ต้องเปิดใจให้กว้างรับฟัง
ปัญหาที่สี่และสำคัญยิ่งขณะนี้ :
รัฐบาลต้องรวบรวมสมาธิจากปัญหาสัพเพเหระ เพื่อมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเร่งด่วน ปัญหาการส่งออก ปัญหาการจะถูกตอบโต้จากประเทศมหามิตรที่มุ่งกีดกันปกป้องทางการค้าก็ดี การทุ่มตลาดสินค้าสำคัญ สินค้าราคาถูกที่จะทำลายการผลิตและธุรกิจภายในประเทศ การเข้ากว้านซื้อธุรกิจสำคัญและทุกอย่างในประเทศ การถอนฐานการผลิตและการลงทุนจากต่างประเทศออกจากประเทศไทย เป็นต้น
โดยสรุป บัดนี้รัฐบาลต้องแสดงความกล้าหาญทบทวนแก้ไขข้อผิดพลาด รวบรวมปัญญาสมาธิวางแผนแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ หากทำได้และทำได้ดี ก็จะได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลของประชาชนนำพารัฐนาวาหลบเลี่ยงออกจากกรงเล็บมังกรที่กำลังผลักเข้าเป็น “มณฑลใหม่” ของมหามิตรในภูมิรัฐศาสตร์ใหม่
ผู้เขียน :
คมกริช วรคามิน
* อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย
* ที่ปรึกษาสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม
* ที่ปรึกษาสมาคมคณะกงสุลกิตติมศักดิ์ (ประเทศไทย)
ผู้ประพันธ์หนังสือ :
* เหลียวหลัง แลหน้า: การต่างประเทศของไทยและเวียดนาม
* Déjà vu: A Diplomat’s Memoir (2024)
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
วันที่ 23 มีนาคม 2568