IMF ห่วง ผลกระทบ "ทรัมป์" ต่อไทยหนัก! แนะลดพึ่งพาส่งออกไป "ตะวันตก"
ผู้อำนวยการ IMF เผยเอเชีย-อาเซียน เผชิญความท้าทายครั้งใหญ่จากนโยบายภาษีใหม่ของทรัมป์ แนะเพิ่มการค้าภายในภูมิภาคทดแทน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ภูมิภาคเอเชีย และอาเซียนกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญจากนโยบายภาษีใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสูงอย่างไทย
คริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้แสดงความเป็นห่วงต่อเศรษฐกิจเอเชีย และอาเซียนในบริบทของนโยบายภาษีใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการแถลงข่าว ณ วันที่ 24 เม.ย.68 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าประเทศในเอเชียกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากการเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกสูง
เธอกล่าวว่า ประเทศในเอเชียอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หลังจากมีการประกาศนโยบายภาษีใหม่ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในหลายประเทศ แต่ในขณะเดียวกันภูมิภาคเอเชียได้สร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีการเติบโตที่มั่นคง ควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้อย่างรอบคอบ และมีนโยบายการคลังที่เป็นประโยชน์

จอร์เจียวา แนะนำให้ประเทศในเอเชียที่มีพื้นที่ทางนโยบาย (policy space) ใช้เครื่องมือนโยบายการเงิน และการคลังอย่างระมัดระวัง เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เธอแสดงความพึงพอใจที่เห็นการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การหารือเชิงนโยบาย และการค้าภายในภูมิภาคเอเชีย โดยปัจจุบันประเทศในเอเชียมีการค้าระหว่างกันเพียงร้อยละ 21 และเธอเชื่อว่าการค้าในระดับภูมิภาคสามารถชดเชยการลดลงของอัตราการเติบโตของการค้าโลกได้
แนะไทยลดการส่งออกไป ‘ตะวันตก’ มากเกินไป :
ด้าน นายคริชนา ศรีนิวาสัน ผู้อำนวยการแผนกเอเชียและแปซิฟิกของ IMF ตอบคำถามจากผู้สื่อข่าวของกรุงเทพธุรกิจว่า ไทยได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากภาษีที่สหรัฐ กำหนด เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐ คิดเป็น 18% ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง ประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่กำลังชะลอตัวอยู่แล้ว ทำให้แรงกระแทกจากภายนอกนี้ส่งผลกระทบรุนแรงยิ่งขึ้น
IMF แนะนำให้ไทย และกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มการซื้อขายระหว่างกันมากขึ้น โดยปัจจุบันการค้าภายในภูมิภาคมีเพียง 20% เท่านั้น การเพิ่มการค้าภายในภูมิภาคจะช่วยให้ประเทศสมาชิกกระจายตลาดส่งออกได้มากขึ้น โดยภูมิภาคอาเซียนถือเป็นกลุ่มเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลกหากพิจารณาจาก GDP รวม
ทั้งนี้ เมื่อถามว่าเหตุผลอะไรทำให้จีดีพีของประเทศไทยขยายตัวต่ำในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นายโทมัส เฮลบลิง รองผู้อำนวยการแผนกเอเชียแปซิฟิกของ IMF ชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวช้ามาจาก 2 ประการ คือ การฟื้นตัวหลังโควิดที่ล่าช้า โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว และปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาว เช่น ประชากรสูงวัย การเติบโตของผลิตภาพที่ล่าช้า
ดังนั้น IMF แนะนำให้ไทยเปิดตลาด พัฒนาทักษะแรงงาน ยกระดับการลงทุนสาธารณะเพื่อกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน รวมไปถึงจัดสรรทรัพยากรใหม่ไปสู่ภาคส่วนที่มีศักยภาพ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศตะวันตกที่มากเกินไป
รายงานสดจาก สาธิต สูติปัญญา ผู้สื่อข่าวกรุงเทพธุรกิจ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 25 เมษายน 2568