ไขข้อสงสัย "G-Token" คืออะไร? ทำไมต้องทำพันธบัตรรูปแบบดิจิทัล
KEY POINTS
* สบน. เตรียมศึกษาออก G Token วงเงิน 5,000 ล้านบาท ภายในเดือนก.ค.68 พันธบัตรออมทรัพย์รูปแบบดิจิทัล
* ไทยจะถือเป็นประเทศแรกของโลกที่ออก 'โทเคนดิจิทัลของรัฐบาล'
* G Token จะทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าถึงการซื้อขายบอนด์ได้ง่ายขึ้น ทั้งรวดเร็ว และเรียลไทม์
ในโลกการเงินยุคใหม่ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้องกับการออก 'โทเคนดิจิทัลรัฐบาล' หรือ Government Token (G-Token) ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญ อีกทั้งประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกของโลกที่ออก G-Token ในลักษณะนี้
'G-Token' คืออะไร? แตกต่างจากพันธบัตรเดิมอย่างไร? และที่สำคัญ มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ภาครัฐต้องนำพันธบัตรเข้าสู่โลกดิจิทัล? "กรุงเทพธุรกิจ" ได้รวบรวมข้อมูลและพาไปไขข้อสงสัยเหล่านี้ เพื่อให้เห็นภาพรวมของนวัตกรรมทางการเงินที่น่าจับตา
'G-Token' คืออะไร?
โดยพื้นฐานแล้ว G-Token คือ โทเคนดิจิทัลที่ออกโดยรัฐบาล มีลักษณะเทียบเท่ากับพันธบัตรรัฐบาล หรือเครื่องมือที่รัฐบาลใช้กู้เงินจากประชาชน โดยผู้ถือ G-Token จะมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่กำหนด
ความแตกต่างที่สำคัญคือ รูปแบบ G-Token จะไม่ได้เป็นเอกสารกระดาษ หรือบันทึกสิทธิ์ในระบบแบบรวมศูนย์เหมือนพันธบัตรแบบเดิม แต่จะอยู่ในรูปแบบของ โทเคนดิจิทัล (Digital Token) ที่จัดเก็บและบริหารจัดการอยู่บนเทคโนโลยี Blockchain
พูดง่ายๆ คือ G-Token เป็นการนำสิทธิ์ในพันธบัตรรัฐบาลมาแปลงให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้การบริหารจัดการมีความแตกต่างและมีข้อดีตามมามากมาย
ทำไมต้องออกในรูปแบบดิจิทัล?
การที่รัฐบาลตัดสินใจออก G-Token มีหลายปัจจัย ประกอบด้วย
(1)เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสำหรับประชาชนรายย่อยและคนรุ่นใหม่ การซื้อพันธบัตรแบบเดิมมีข้อจำกัดด้านเวลา ซึ่ง G-Token จะเปิดโอกาสให้ประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี เข้าถึงการลงทุนความเสี่ยงต่ำของรัฐบาลได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันบนมือถือ และจะลงทุนด้วยเงินจำนวนไม่สูงได้ จึงถือเป็นการส่งเสริมการออมของประชาชน ให้มีทางเลือกในการลงทุนที่ปลอดภัยและให้ผลตอบแทนน่าสนใจ
(2)เพื่อลดขั้นตอน ต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน กระบวนการออกและจัดการพันธบัตรแบบเดิมมีต้นทุนสูง การใช้ G-Token บนเทคโนโลยี DLT ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน เช่น ต้นทุนที่ต่ำกว่าค่าดำเนินการตามเกณฑ์ ธปท. ที่ 0.03% และทำให้กระบวนการตั้งแต่การออกไปจนถึงการชำระคืนมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งสร้างแหล่งข้อมูลเดียวที่ถูกต้องและเปลี่ยนแปลงได้ยาก (immutable, real-time single source of truth) ลดการตรวจสอบซ้ำซ้อน
(3)เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและความคล่องตัวในการทำธุรกรรม การซื้อขาย G-Token บนแพลตฟอร์มดิจิทัลจะเกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ (Real-time) ต่างจากพันธบัตรออมทรัพย์แบบเดิมที่อาจใช้เวลาดำเนินการหลายวัน
ไม่มีกำหนดระยะเวลาห้ามเปลี่ยนมือ ซึ่งต่างจากพันธบัตรออมทรัพย์ทั่วไปที่ห้ามเปลี่ยนมือ 6 เดือน ทำให้ผู้ถือสามารถโอนเปลี่ยนมือหรือขายในตลาดรองได้สะดวกและมีความคล่องตัวมากขึ้น
(4)เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความโปร่งใส เทคโนโลยี Blockchain ช่วยให้ข้อมูลการถือครองและการทำธุรกรรมมีความปลอดภัยสูง ถูกบันทึกแบบกระจายศูนย์ ตรวจสอบได้ และยากต่อการปลอมแปลง เพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการต่างๆ ตลอด Value Chain
รายละเอียดโครงการนำร่อง G-Token :
นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า รายละเอียดเบื้องต้นของโครงการนำร่องนี้ โดยคาดว่าจะสามารถออกได้เร็วที่สุดในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 หลังการจัดทำรายละเอียดร่วมกับ ก.ล.ต. ซึ่งต้องเร่งดำเนินการภายใน 45 วันนับจากมติ ครม.
วัตถุประสงค์ ระดมเงินเพื่อชดเชยการขาดดุล :
ประมาณ (ภายใต้แผนฯ ปี 2568)
วงเงิน: ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท
อายุ: ไม่เกิน 1 ปีต่อการออก 1 รอบ
หน่วย: 1 G-Token เท่ากับ 1-100 บาท
ผลตอบแทน: อัตราดอกเบี้ยเทียบเคียงกับพันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาล โดย สบน. จะพิจารณาแรงจูงใจเพิ่มเติม
ระยะเวลาห้ามเปลี่ยนมือ: ไม่มี
ช่องทางการจำหน่าย: บริษัทหลักทรัพย์ / ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)
การซื้อ-ขาย: เรียลไทม์
ไขข้อห่วงใย ไม่ขัดต่อกฎหมาย ซ
การกู้เงินของรัฐบาลผ่านการออก G-Token นี้ จะอยู่ภายใต้ กรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2568 ตามกรอบปกติ และเป็นไปตามข้อกฎหมายตามพ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ 2548 มาตรา 10 กำหนดให้การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้ ทั้งนี้ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ
ซึ่งหมายความว่า การออก G-Token นี้ เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารหนี้สาธารณะภายใต้อำนาจทางกฎหมายที่รัฐบาลมีอยู่แล้วในการกู้เงินเพื่อใช้จ่ายตามงบประมาณ
การออกและเสนอขาย G-Token นี้ จะอยู่ภายใต้ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกฎหมายที่กำกับดูแลการออกและเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย
มุมมองและข้อเสนอแนะจาก ธปท.
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แม้จะสนับสนุนแนวคิดการออกโทเคนดิจิทัลเพื่อเป็นทางเลือกในการระดมทุนและส่งเสริมการออม แต่ก็มีข้อเสนอแนะสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบอย่างน้อย 5 ประการ ได้แก่
1)ระบบและกระบวนการต้องมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เทียบเท่ามาตรฐานพันธบัตรรัฐบาลปัจจุบัน
2)ควรอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่เหมาะสม (ธปท. เสนอ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ที่กำลังแก้ไข มากกว่า พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล)
3)ต้องเป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลัง นับเป็นการกู้เงินภายใต้กรอบที่กำหนด
4)การบริหารจัดการต้องไม่เข้าข่ายการสร้างเงิน และหากจ่ายผลตอบแทนด้วยโทเคนดิจิทัล รัฐบาลต้องเตรียมเงินรองรับเต็มจำนวน (Fully Backed)
5)ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการระดมทุนและการออมเท่านั้น ห้ามใช้เป็นสื่อกลางในการชำระเงิน และต้องมีกลไกป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์
ธปท. ยังเสนอให้การระดมทุนด้วย G-Token ทำเป็นโครงการทดสอบในวงจำกัด (Pilot Project) ก่อน เพื่อทดสอบและประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน
G-Token ถือเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่น่าจับตาอย่างยิ่ง เป็นการนำเทคโนโลยี DLT มาใช้เพื่อปรับปรุงกลไกการระดมทุนของภาครัฐ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และที่สำคัญที่สุดคือการขยายโอกาสให้ประชาชน
โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยและคนรุ่นใหม่ สามารถเข้าถึงการลงทุนที่มั่นคงกับรัฐบาลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใสมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในฐานะโครงการนำร่อง ยังต้องติดตามรายละเอียดการดำเนินการและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะมีความปลอดภัยและเป็นไปตามกรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ที่มา vovworld.vn
วันที่ 13 พฤษภาคม 2568