สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสได้เดินทางเยือนประเทศเวียดนามเป็นครั้งแรกในวันที่ 26 พฤษภาคม และคาดว่าจะมีการลงนามข้อตกลงหลายฉบับกับผู้นำเวียดนาม ในระหว่างการเดินทางเยือนหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ อินโดนีเซียและสิงคโปร์

 

นี่ถือเป็นการเดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการครั้งแรกของมาครงและเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนแรกในรอบเกือบ 10 ปีที่เดินทางเยือนเวียดนาม ซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส โดยจะมีผู้บริหารของบริษัทต่างๆ หลายคนร่วมเดินทางเยือนเวียดนามมากับมาครงด้วย และคาดว่าจะเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือประมาณ 30 ฉบับ ในการมุ่งกระชับความร่วมมือในหลายภาคส่วน อาทิ ด้านการบิน พลังงานนิวเคลียร์ เส้นทางราง การวิจัย ดาวเทียม และการทหาร

 

การเดินทางเยือนเวียดนามของมาครงมีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ขู่คิดภาษีศุลกากรแก่สินค้าของสหภาพยุโรป (อียู) ในอัตรา 50% นับตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคมเป็นต้นไป ขณะที่เวียดนามเองก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันให้ซื้อสินค้าจากสหรัฐมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บภาษี 46% จากสหรัฐ

 

 

เจ้าหน้าที่จากยุโรปกล่าวว่า ในการหารือกับสหรัฐนั้น เวียดนามต้องไม่ทำการตัดสินใจที่ทำลายผลประโยชน์ของยุโรป ซึ่งอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามและยุโรปเช่นกัน โดยอียูมีข้อตกลงการค้าเสรีกับเวียดนาม และเป็นผู้นำเข้าสินค้ารายใหญ่จากเวียดนาม

 

นอกจากนั้น การเดินทางเยือนเวียดนามของมาครงอาจทำให้มีความคืบหน้าในเรื่องการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสของสายการบินเวียตเจ็ท หลังทั้งสองมีการลงนามข้อตกลงเบื้องต้นในการส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ330 นีโอ จำนวน 20 ลำ ขณะที่การพูดคุยถึงเรื่องดาวเทียมระหว่างฝรั่งเศสและเวียดนามก็กำลังมีความคืบหน้าเช่นกัน

 

ล่าสุด มาครงและประธานาธิบดีเลือง เกี่องของเวียดนามได้ลงนามคำสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสจำนวน 20 ลำ และลงนามความร่วมมือในด้านพลังงานนิวเคลียร์ เส้นทางราง ดาวเทียมสำรวจโลกของแอร์บัส และวัคซีนของบริษัทซาโนฟี่ โดยมาครงกล่าวเน้นย้ำว่าฝรั่งเศสสนับสนุนเสรีภาพในการเดินเรือและการเป็นพันธมิตรกับเวียดนามได้นำมาซึ่งความร่วมมือด้านความมั่นคง

 

ด้านประธานาธิบดีเวียดนามกล่าวว่าความเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสในด้านความมั่นคงครอบคลุมถึงการแบ่งปันข้อมูลในประเด็นด้านยุทธศาสตร์ และการกระชับความร่วมมือในด้านความมั่นคงทางไซเบอร์และการต่อต้านการก่อการร้าย

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 26 พฤษภาคม 2568