เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ (South China Morning Post) รายงานว่า เวียดนามเลิกกฎหมาย คุมจำนวนบุตรไว้ 2 คนต่อครอบครัว ที่เริ่มตั้งแต่ปี 1988 หลังอัตราเกิดลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2024 ด้วยอัตราการเจริญพันธ์ุที่ 1.91 ต่อผู้หญิงหนึ่งคน

 

กระทรวงสาธารณสุขประกาศว่า อัตราการเกิดลดลงจากระดับ 2.11 ในปี 2021 เป็น 2.01 ในปี 2022 ก่อนจะร่วงลงอีกเหลือ 1.96 ในปี 2023 

 

โดยแนวโน้มดังกล่าวเห็นได้ชัดเจนในเขตเมือง และภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น ฮานอย และนครโฮจิมินห์ ด้วยสาเหตุด้านค่าครองชีพ

 

เจิ่น หมิ่ญ หว่าง (Tran Minh Huong) พนักงานออฟฟิศวัย 22 ปีกล่าวกับเซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ว่า กฎหมายใหม่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเธอมากนัก เพราะเธอไม่ได้วางแผนมีครอบครัว เนื่องจากการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แม้สังคมเอเชียจะคาดหวังให้ผู้หญิงต้องแต่งงานมีลูกก็ตาม

 

กฎหมายใหม่ถูกอนุมัติโดยคณะกรรมการถาวรแห่งสมัชชาแห่งชาติเวียดนาม (National Assembly) เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2025 มีมติให้ชาวเวียดนามสามารถวางแผนสร้างครอบครัวเองได้ตามต้องการ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว กฎหมายข้อก่อนหน้าที่ห้ามไม่ให้มีบุตรเกิน 2 คนนั้น มีการบังคับใช้น้อยมาก

 

เหงวียน ถิ เลียน หว่าง (Nguyen Thi Lien Huong) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในที่ประชุมข่าวเมื่อต้นปีนี้ว่า แม้จะมีการปรับปรุงนโยบาย หรือการรณรงค์สาธารณะมากเพียงไร ก็กระตุ้นให้ประชาชนสร้างครอบครัวได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังชี้ว่า อัตราการเกิดที่ต่ำลง อาจเป็นความท้าทายต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

 

ไม่เพียงเท่านั้น เหงวียน ถิ เลียน หว่าง ยังเรียกร้องให้สังคมเปลี่ยนมุมมองต่อการสร้างครอบครัว ให้เป็นเรื่องสำคัญระดับชาติ ต่อการเติบโตของประชากร 

 

นอกจากนี้ เวียดนามยังพยายามจะปรับปรุงความไม่สมดุลระหว่างเพศ ที่สังคมมักให้ความสำคัญกับทารกเพศชายมากกว่า โดยกระทรวงสาธารณสุขประกาศว่าจะเพิ่มค่าปรับขึ้นเป็น 3 เท่า คิดเป็นเงิน 125,000 บาท เพื่อระงับการเลือกเพศของทารกในครรภ์

 

ที่ผ่านมาแม้ตัวเลขจะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่สัดส่วนเด็กผู้ชายต่อเด็กผู้หญิงยังไม่สมดุลอยู่ดี โดยจะมีเด็กผู้ชาย 112 คนต่อเด็กผู้หญิง 100 คน

 

ประเทศเพื่อนบ้านเวียดนามอย่างจีน ได้ประกาศยกเลิกนโยบายลูกคนเดียวในปี 2016 และอนุญาตให้มีลูก 3 คนได้ในปี 2021 เพื่อส่งเสริมการเติบโตของประชากรเช่นกัน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไรนัก โดยอัตราการเกิดร่วงลงเป็นปีที่สามติดต่อกันในปี 2024 

 

กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) ระบุว่า เวียดนามกำลังอยู่ในช่วงสังคมสูงวัย (Aging Society) และคาดว่าจะเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ (Aged Society) ภายในอีก 20 ปีข้างหน้า

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

วันที่ 4 มิถุนายน 2568