เอสเอ็มอี ห่วงวิกฤต 5 ด้าน ฉุดเศรษฐกิจไทยต่ำ 1%
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีห่วงวิกฤต 5 ด้าน ฉุดเศรษฐกิจไทยต่ำ 1% ชี้ปรับ ครม.เหมาะสมในเวลาสั้น ๆ
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 นี้จะขยายตัวหรือติดลบขึ้นอยู่กับความรุนแรงและการแก้ปัญหาในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้เอกชน เอสเอ็มอี เป็นห่วงสถานการณ์หลายด้านจะลุกลาม โดยให้น้ำหนักความกังวลแรกในเรื่อง
1)เสถียรภาพทางการเมือง ตามด้วยเรื่อง
2)ความขัดแย้งตามชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ที่กังวลอาจมีปะทะและยืดเยื้อข้ามปี กระทบต่อความเป็นอยู่ตามชายแดนและการค้าชายแดน
3)การเจรจาภาษีตอบโต้นำเข้าสินค้าของสหรัฐต่อประเทศไทย อาจไม่บรรลุเป้าให้ถูกเก็บต่ำสุดและไม่ถึงอัตราที่ประกาศไว้ 36% จะส่งผลการส่งออกโดยรวม และภาพพจน์ประเทศต่อการตัดสินใจลงทุนในอนาคต
4)การท่องเที่ยววูบหาย หากเกิดสถานการณ์ความขัดแย้ง มีการชุมนุมในประเทศ ซึ่งภาคท่องเที่ยวช่วยขับเคลื่อนจีดีพีถึง 20% จะหดตัวหลักอีกปี
5)ต้นทุนการทำธุรกิจสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน 400 บาท กำลังซื้อหาย กระทบยอดขายลดลงต่อเนื่อง ซึ่งเอสเอ็มอีต้องพึ่งพากำลังซื้อในประเทศและมาตรการรัฐในการขับเคลื่อนจะหายไป
“จากที่คุยกับผู้ประกอบการและส่วนตัว ผมเชื่อว่าการเมืองจะเริ่มจากปรับคณะรัฐมนตรีก่อน ก็เสนอให้บุคคลและทีมงานที่ปรึกษาที่มีฝีมือ เป็นที่ยอมรับ ให้เข้ามาเร่งแก้วิกฤตศรัทธา กู้ภาพลักษณ์ และแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ตรงจุด
วันนี้ต้องหาคนที่ใช้กลยุทธ์ที่ชอบและตรงปก เป็นทีมเวิร์กในการบริหารประเทศ สองเรื่องที่ต้องเร่งทำในระยะสั้นนี้คือ เสถียรภาพการเมือง และกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม เร่งไม่ให้เกิดภาพชุมนุมหรือปะทะกัน ไม่อยากเห็นภาพการใช้กำลัง หวังให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงเรื่องนี้ อย่าเล่นเกมกันจนกระทบต่อประเทศชาติ
ตอนนี้เอกชนห่วงว่าเรื่องการลุกลามในทุกปัจจัย เพราะเกิดแล้วจะแก้ไขยาก อย่าหวังเศรษฐกิจโต 1% เลย อาจติดลบได้ ส่วนต่อไปจะยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ก็เชื่อว่าเอกชนรับได้ในเวลาที่สองวิกฤตนี้เบาบางลงแล้ว” นายแสงชัย กล่าว
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 19 มิถุนายน 2568