นายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลดความซับซ้อนของขั้นตอนทางราชการในการออก e-visa ให้ชาวต่างชาติ และปรับเปลี่ยนนโยบายด้านวีซ่าในปัจจุบันเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยว

 

การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีเวียดนามครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยวของประเทศยังตามหลังประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่มาก แม้จะเปิดประเทศก่อนก็ตาม

 

ผู้นำเวียดนามเรียกร้องให้กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ร่างแผนดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในช่วงหลังโควิดให้เสร็จสิ้นและยื่นเสนอต่อรัฐบาลเพื่ออนุมัติภายในสิ้นเดือนนี้

 

ในที่ประชุมเมื่อเดือนก่อนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศหลังโควิด-19 รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว เสนอรัฐบาลให้ขยายเวลาพำนักในประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้สิทธิฟรีวีซ่าเป็นเวลา 30 วัน และสามารถขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองได้

 

เลขาธิการคณะกรรมการที่ปรึกษาการท่องเที่ยวเวียดนามระบุว่า ประเทศควรขยายรายชื่อประเทศที่มีสิทธิได้รับการยกเว้นวีซ่าและพำนักได้สูงสุดไม่เกิน 45 วัน เช่นเดียวกับไทย

 

ด้านรัฐมนตรีช่วยกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแย้งว่าวีซ่าไม่ใช่สิ่งเดียวที่ขัดขวางการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เพราะตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.2565 เป็นต้นมา กระทรวงได้กลับไปใช้นโยบายวีซ่าแบบเดิมก่อนที่จะเกิดโรคระบาด และปัจจุบัน พลเมืองของ 80 ประเทศและเขตแดนสามารถยื่นขอ e-visa เพื่อเข้าเวียดนามโดยไม่ต้องผ่านหน่วยงานหรือองค์กร

 

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากหวังให้รัฐบาลเวียดนามนำวีซ่าแบบเข้าประเทศได้หลายครั้งในระยะเวลา 3 เดือน เช่นที่เคยมีก่อนโควิดกลับมาใช้อีกครั้ง

 

ในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนเวียดนามเพียง 3.6 ล้านคน หรือ 70% ของเป้าหมาย และในปีนี้ ทางการตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 8 ล้านคน

 

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

วันที่ 9 มกราคม 2566