เอกชน เชื่อเลือกตั้งศก.คึกคัก ห่วงนโยบายสุดโต่งทำศก.พัง
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ เชื่อว่าเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ และประเทศแน่นอน เห็นได้จากป้ายหาเสียงที่เริ่มมีการผลิตออกมาเกือบทั่วทั้งประเทศแล้ว รวมถึงการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ทำให้เกิดเงินสะพัดทั้งในเรื่องของการจับจ่ายใช้สอยเรื่องป้ายหาเสียง การเดินทางที่เริ่มคึกคักขึ้น และค่าฐานเสียงที่อย่างต่ำต้องจ่ายให้ประมาณ 500 บาทต่อคน ซึ่งคงจะได้เห็นภาพรวมของเศรษฐกิจที่ชัดเจนอีกครั้งหลังการประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร
ส่วนในมุมมองของภาคเอกชน และด้านการลงทุน อาจจะไม่ได้คึกคักเท่าด้านการบริโภคภายในประเทศ ในเรื่องของการลงทุนในช่วงที่มีการเลือกตั้งจะอยู่ในภาวะนิ่ง เพราะนักลงทุนก็ต้องติดตามว่าการเมืองจะเปลี่ยนขั้วหรือไม่ และอาจจะมีการชะลอการลงทุนใหม่ๆ จนกว่าจะได้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าพรรคใดบ้างที่จะได้ขึ้นมาเป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เพื่อดูนโยบายว่าจะเป็นแบบเดิม หรือเป็นแบบใหม่ แต่ทั้งนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์หลังช่วงเลือกตั้ง ว่าจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่
“ในมุมมองของนักธุรกิจค่อนข้างเป็นห่วง หากผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามคาดหมายของประชาชน อาจส่งผลให้เกิดการลงถนนเดินกันเต็มเมืองแบบในอดีตขึ้นได้ แต่เชื่อว่าเหตุการณ์จะไม่รุนแรงเท่าในอดีตที่มีการเผาบ้าน เผาเมือง ปิดสนามบิน ซึ่งในภาพรวมทั่วไปการเลือกตั้งเป็นบวกแน่นอนในสายตาของต่างชาติ เพราะการเลือกตั้งของไทย เปรียบเสมือนเงาะถอดรูป การเมืองกับเศรษฐกิจแยกกันอย่างชัดเจน จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ยังมีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาที่ไทย แม้เราจะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง”
ขณะที่ เรื่องนโยบายการหาเสียง นั้น ไม่อยากให้สุดโต่งจนเกินไป เพราะแต่ละนโยบายที่ออกมาต้องมีแหล่งที่มาทางการเงินที่ชัดเจน บอกที่มาของแหล่งรายได้ และต้องฉายภาพให้เห็นว่าการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว อาทิ เรื่องการส่งออก และการเข้ามาลงทุนในไทย เป็นต้น ซึ่งนโยบายที่เป็นที่พูดถึงอยู่ตอนนี้คือ เรื่องอัตราค่าจ้าง ซึ่งเรื่องนี้เรามีไตรภาคีสังกัดกระทรวงแรงงาน ก็ต้องไปว่ากันตามนั้น หากแต่ละพรรคยังมีการเกทับกันอยู่แบบนี้ จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจได้
“รวมถึงเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อฐานภาษี คือการไปขยับให้ฐานภาษีน้อยลง ส่งผลให้เกิดการขาดดุลงบประมาณ ที่สุดแล้วก็จะทำให้ภาพการเงินของประเทศเสีย พอเกิดหนี้สะสมเยอะ ก็จะกลายเป็นเงินกงเต็ก เหมือนกับหลายประเทศ ดังนั้น จึงอยากให้ทุกพรรคหาเสียงในนโยบายที่มีความเป็นไปได้จะดีกว่า”
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566