เวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์หุ้นส่วนและความร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรืออียูและความสัมพันธ์กับบรรดาประเทศอียู สนับสนุนการกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับอียูให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น 

 

นี่คือคำยืนยันของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ในการให้การต้อนรับคณะผู้แทนสภาสถานประกอบการอียู – อาเซียนและสมาคมสถานประกอบการอียูประจำเวียดนามหรือ EuroCham ณ สำนักรัฐบาล เมื่อบ่ายวันที่ 14 เดือนนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนมาตรการขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างเวียดนามกับอียู

 

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง เสนอให้นักลงทุนอียูเดินพร้อมกับเวียดนามต่อไปโดยเน้นถึงพลังขับเคลื่อนแห่งการพัฒนาใน 3 ด้าน คือ การลงทุน การส่งออกและการบริโภคเพื่อปฏิบัติก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์ที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอให้ชมรมสถานประกอบการอียูมีเสียงพูดที่เข้มแข็งเพื่อร่วมกับเวียดนามรณรงค์ให้บรรดาสมาชิกอียูอนุมัติข้อตกลงคุ้มครองการลงทุนหรือ EVIPA โดยเร็ว พิจารณายกเลิกใบเหลือง IUU ต่อการส่งออกสัตว์น้ำของเวียดนาม ตลอดจนเสนอให้สถานประกอบการอียูสนับสนุนเวียดนามเข้าถึงแหล่งเงินลงทุนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล การปรับเปลี่ยนแห่งสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน โครงสร้างพื้นฐาน การเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐานอัฉจริยะและการคมนาคมแห่งสีเขียว เป็นต้น 

 

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ยังยืนยันว่า เวียดนามปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของนักลงทุนทุกคนโดยรับฟังความคิดเห็นและสนทนากับนักลงทุนและสถานประกอบการเพื่อแก้ไขอุปสรรค ผลักดันการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพท์ ตลาดเงินทุน ตลาดหุ้นและแรงงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ตลาดเหล่านี้สามารถพัฒนาอย่างโปร่งใส ปลอดภัย ยั่งยืนและผสมผสานเข้ากับกระแสโลก

 

ในนามของผู้แทนสถานประกอบการอียู นาย Jens Ruebert รองประธานกรรมการผู้บริหารของสภาสถานประกอบการอียู – อาเซียนได้ยืนยันว่า เวียดนามกำลังมีบทบาทสำคัญในด้านการค้าและการลงทุนต่ออียู โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่โลกกำลังมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ส่วนนาย Alain Cany ประธาน EuroCham ประจำเวียดนามได้ยืนยันว่า สถานประกอบการอียูจะสนับสนุนการอนุมัติ EVIPA

 

ที่มา vovworld.vn

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566