ผู้ส่งออกไทยเตรียมตัว แอลจีเรียเริ่มบังคับใช้กม.บาร์โค้ด
ผู้ส่งออกไทยเตรียมตัว แอลจีเรียเริ่มบังคับใช้กม.บาร์โค้ด ต้องแสดงหมายเลขสินค้าสากล บนสินค้าที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ ทั้งนำเข้าและส่งออก มีผลบังคับ 29 มีนาคม เป็นต้นไป
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงไคโร กรณีกระทรวงการค้าและส่งเสริมการส่งออกของแอลจีเรียได้ออกกฎระเบียบกำหนดให้สินค้าที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ สินค้านำเข้า และสินค้าส่งออก
ต้องติดบาร์โค้ด GTIN เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างสะดวกและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ผู้จำหน่ายสามารถระบุรายละเอียดและข้อมูลที่จำเป็นของสินค้าได้อย่างครบถ้วน ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในกระบวนการส่งออก หลีกเลี่ยงการถูกปลอมแปลง และผู้ซื้อสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังผู้ผลิตได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีบริษัท จำนวน 11,410 แห่ง ในแอลจีเรียได้ดำเนินการติดบาร์โค้ด GTIN บนสินค้าแล้วกว่า 500,000 รายการ ทั้งที่เป็นสินค้าอาหาร (Food products) และที่ไม่ใช่อาหาร (Non-Food products)
ภายใต้บาร์โค้ด GTIN ที่ปรากฏบนสินค้าที่วางจำหน่ายในแอลจีเรีย จะต้องประกอบด้วยข้อมูล สินค้าอาหาร ฉลากสินค้า ชื่อหรือที่อยู่บริษัท เครื่องหมายการค้า และที่อยู่ของสินค้า ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย หรือผู้นำเข้า ประเทศถิ่นกำเนิด/แหล่งนำเข้าสินค้า ปริมาณสุทธิ รูปภาพสินค้า ข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็น การติดฉลากอาหาร และเครื่องหมายฮาลาล รายการส่วนผสม ส่วนประกอบ และวัสดุ ร้อยละของปริมาณแอลกอฮอล์ในสินค้าเครื่องดื่ม วิธีการเก็บรักษา
สินค้าที่ไม่ใช่อาหาร ฉลากสินค้า ชื่อหรือที่อยู่บริษัท เครื่องหมายการค้า และที่อยู่ของสินค้า ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย หรือผู้นำเข้า ประเทศถิ่นกำเนิด/แหล่งนำเข้าสินค้า ปริมาณสุทธิ รูปภาพสินค้า ข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็น เครื่องหมายความปลอดภัย ใบรับรองสินค้า ข้อควรระวังด้านความปลอดภัย ส่วนประกอบของสินค้าและวิธีการเก็บรักษา
หมายเลข GTIN คือ หมายเลขประจำตัวสินค้า หรือบาร์โค้ด (Barcode) ที่เป็นสัญลักษณ์ใช้บ่งชี้ชนิดของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ประกอบด้วย รหัสประเทศ รหัสสมาชิกหรือรหัสประจำตัวบริษัท รหัสประจำตัวสินค้า ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้งานแพร่หลายกว่า 150 ประเทศ บาร์โค้ด GTIN ที่นิยมใช้กันทั่วโลกรวมถึงไทย คือ GTIN-13 (เลขประจำตัวสินค้าแบบค้าปลีก 13 หลัก) มีการแบ่งข้อมูลออกเป็น 4 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 คือ 3 หลักแรก เป็นรหัสประเทศ ส่วนที่ 2 คือ รหัสบริษัท ส่วนที่ 3 คือ รหัสสินค้า และส่วนที่ 4 คือ ตัวเลขตรวจสอบข้อมูลบาร์โค้ด การที่ผู้ประกอบการไทยมีการเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ของแอลจีเรียจะช่วยให้ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคและผู้นำเข้าของแอลจีเรีย และสามารถส่งออกไปตลาดแอลจีเรียได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ บาร์โค้ด GTIN ยังมีประโยชน์ทางด้านอื่น ๆ เช่น สามารถใช้เป็นเลขหมายในการค้าขายที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก สามารถบริหารจัดการด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบครบวงจร ตั้งแต่การตรวจสอบข้อมูลของสินค้า การตรวจสอบปริมาณสินค้าและการตัดสินค้าคงคลัง ตลอดจนการรับชำระเงินและการออกใบเสร็จได้อย่างสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ผลิตสินค้า
แอลจีเรียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 56 ของไทย และมีมูลค่าการค้าระหว่างกันเฉลี่ยปีละ 15,998.86 ล้านบาท (ปี 2562 - 2564) ทั้งนี้ ในปี 2565 (ม.ค. - พ.ย.) ไทยมีการนำเข้าจากแอลจีเรียมูลค่า 21,721.25 ล้านบาท สินค้านำเข้า 5 อันดับแรก ได้แก่ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และมีมูลค่าการส่งออก 2,128.30 ล้านบาท
สินค้าส่งออก 5 อันดับแรก ได้แก่ ข้าว เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เม็ดพลาสติก ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ดังนั้น ผู้ประกอบการที่มีการส่งออกไปแอลจีเรีย ควรเร่งดำเนินการติดต่อขอใช้ บาร์โค้ด GTIN บนสินค้าได้ที่สถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยเบื้องต้นควรตรวจสอบกับคู่ค้าว่าต้องการใช้บาร์โค้ดประเภทใด เพื่อที่จะขอรับบาร์โค้ดบนผลิตภัณฑ์ได้ถูกประเภท
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566