อินเดียผลักดันนโยบาย "Indian Space Policy 2023" เดินหน้ากิจการอวกาศ
อินเดียก่อตั้ง National Committee for Space Research (INCOSPAR) เมื่อปี พ.ศ. 2505 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2512 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Indian Space Research Organisation (ISRO) และเพิ่มภารกิจด้านเทคโนโลยีอวกาศ จากนั้นในปี พ.ศ. 2515 รัฐบาลได้ตั้งกรมกิจการอวกาศ (Department of Space: DOS) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของนายกรัฐมนตรี และได้นำ ISRO มาไว้ใต้การกำกับดูแลของ DOS โดย DOS และ ISRO มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองบังกาลอร์ รัฐกรณาฏกะ
ทั้งนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2518 อินเดียสามารถสร้างดาวเทียมดวงแรก ‘Aryabhata’ ได้สำเร็จ (แต่ส่งออกโดยจรวดของโซเวียต) จนปี พ.ศ. 2522 สามารถส่งดาวเทียมด้วยจรวดที่สร้างด้วยตนเองได้ โดยในช่วงแรก อินเดียเน้นการพัฒนากิจการอวกาศเพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเพื่อดำเนินนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และต่อมาก็ได้ขยายไปสู่การสำรวจอวกาศ โดยได้ดำเนินภารกิจสำรวจดวงจันทร์
‘Chadrayaan-1’ และ ดาวอังคาร ‘Mangalayaan-1’ เมื่อปี พ.ศ. 2556 และ 2561 ตามลำดับ จนในปัจจุบัน อินเดียได้ก้าวจากการพัฒนากิจการอวกาศเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมาสู่การเป็นประเทศชั้นนำด้านกิจการอวกาศ และขยายขอบเขตไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีอวกาศในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ
นโยบายอวกาศของอินเดีย :
‘Indian Space Policy 2023’ จัดทำขึ้นเพื่อให้สอดรับกับนโยบายการปฏิรูปกิจการอวกาศของรัฐบาลอินเดีย ซึ่งริเริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2563 โดยมุ่งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เล่นที่ไม่ใช่รัฐ โดยเฉพาะภาคเอกชน ในกิจการอวกาศอย่างครบวงจร โดยมียุทธศาสตร์สำคัญ ดังนี้
(1) จัดตั้ง Indian National Space Promotion & Authorisation Centre (IN-SPACe) หน่วยงานอิสระของภาครัฐที่ทำหน้าที่ส่งเสริมและกำกับดูแลกิจการอวกาศของอินเดีย เช่น (1) เป็นหน่วยงานรวมศูนย์สำหรับการอนุญาตให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนดำเนินกิจกรรมด้านอวกาศ (2) ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิต ศูนย์บ่มเพาะ ศูนย์ทางเทคนิค รวมทั้ง startups ด้านอวกาศ (3) ส่งเสริมให้อินเดียเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์/สินค้าที่เกี่ยวข้องกับอวกาศชั้นนำของโลก ตลอดจนพัฒนามาตรฐานและเกณฑ์ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศ และออกข้อแนะนำสำหรับการใช้/ดำเนินกิจกรรมด้านอวกาศ
(2) บทบาทของหน่วยงานอื่น ๆ
(2.1) Indian Space Research Organisation (ISRO) เน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศใหม่ ๆ และสำหรับการสำรวจอวกาศ ซึ่งรวมถึงความร่วมมือกับอุตสาหกรรมและนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศในด้าน R&D
(2.2) Department of Space (DOS) ดูแลภาพรวมการปฏิบัติตามนโยบาย และเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินความร่วมมือด้านอวกาศกับต่างประเทศ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย
ความร่วมมือกับต่างประเทศ :
(1) สหรัฐอเมริกา
* (1.1) NASA-ISRO Synthetic Aperture Radar (NISAR) ลงนามความตกลงเมื่อปี พ.ศ. 2557 และมีกำหนดปล่อยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 เป็นดาวเทียมถ่ายภาพด้วยเรดาร์ที่จะส่งภาพถ่ายเปลือกโลกทุก 12 วัน เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระดับน้ำทะเล และน้ำใต้ดิน ซึ่งจะช่วยประเมินความเสี่ยงการเกิดภัยธรรมชาติ
* (1.2) ในห้วงก่อนการเยือนสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรีโมทีในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 สองฝ่ายได้จัดตั้ง Working Group for Commercial Space Collaboration ภายใต้ Civil Space Joint Working Group และเพิ่มการหารือความร่วมมือด้านอวกาศภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนทางการทหาร
(2) ฝรั่งเศส
* (2.1) Thermal Infrared Imaging Satellite for High-resolution Natural resource Assessment (TRISHNA) ภารกิจศึกษาพื้นผิวโลก โดยอินเดียรับผิดชอบการสร้างแพลตฟอร์มของดาวเทียม และส่วน infrared คลื่นสั้น ในขณะที่ฝรั่งเศสรับผิดชอบส่วน thermal infrared ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Airbus
* (2.2) มีความร่วมมือในสาขานี้มากว่า 6 ทศวรรษ ครอบคลุมทั้งการติดตามสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสำรวจอวกาศ โดยล่าสุดได้จัดประชุม Strategic Space Dialogue ครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566
(3) ญี่ปุ่น
‘LUPEX’ หรือ ‘Chandrayaan-4’ ภารกิจสำรวจแหล่งน้ำบนขั้วใต้ของดวงจันทร์ โดยอินเดียรับผิดชอบยานลงจอด ส่วนญี่ปุ่นรับผิดชอบจรวดปล่อยยานและยานสำรวจ คาดว่าจะปล่อยในปี พ.ศ. 2568 (ข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี)
ที่มา globthailand
วันที่ 11 ตุลาคม 2566