10 เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2024 จาก "คำทำนาย" ของ "สื่อใหญ่" ระดับโลก
ประเทศกำลังพัฒนาเนื้อหอม-สหรัฐสิ้นอำนาจ-จีนเผชิญเงินฝืดยาว! เปิด "10 คำทำนาย" จาก "ทอม สแตนเดจ" แห่ง "The Economist" การเมืองโลกตึงเครียด ขั้วอำนาจเพิ่มขึ้น ขณะที่ "น้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ" มีค่าน้อยกว่า "ลิเทียม-ทองแดง-นิกเกิล" พลิกโฉมภูมิรัฐศาสตร์ทางการค้าแห่งใหม่!
Key Points:
* ปี 2566 ที่ผ่านมาเกิดความเปลี่ยนแปลงบนเวทีโลกมากมาย ทั้งกรณีสงคราม เศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งการมาถึงของพลังงานสะอาด และวิวัฒนาการของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
* ปี 2567 จะมีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้นหลายประเทศ รวมถึง “สหรัฐ” ที่ต้องมาลุ้นกันต่อว่า “ทรัมป์” จะสามารถเข้าสู่สนามเลือกตั้งอีกครั้งได้หรือไม่
* หลังจากนี้ประเทศกำลังพัฒนา หรือ “Global South” จะก้าวขึ้นมามีบทบาทมากขึ้น และกลายเป็นขุมพลังที่ทั่วโลกต่างหมายปอง จากการขึ้นสู่ตำแหน่ง “มหาอำนาจสีเขียว” หมดยุคน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ สู่การแย่งชิงทรัพยากรพลังงานสะอาดแทนที่
การเมืองและเศรษฐกิจโลกในปี 2566 เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และรวดเร็วแทบทุกมิติ ตั้งแต่สถานการณ์ในตะวันออกกลางกรณี “อิสราเอล-ฮามาส” การถือกำเนิดขึ้นของแผนที่ทรัพยากรพลังงานทั่วโลกครั้งใหม่ จากน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติสู่การมาถึงของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ได้กลายเป็น “Game Changer” ของหลายประเทศ ความก้าวหน้าและวิวัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์ที่รุดหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยที่ดูจะลุกลาม-ยืดเยื้อไปอีกตลอดปี 2567 โดยเฉพาะประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง “จีน” ที่เคยเบียด “สหรัฐ” จ่อขึ้นแท่น “เบอร์ 1 โลก” รายต่อไป ทว่า ปัจจุบันกลับไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว และดูเหมือนว่า จะมี “มหาอำนาจใหม่” จากประเทศกำลังพัฒนารอชิงบัลลังก์อยู่ด้วย
ปีแห่งการเลือกตั้งทั่วโลก :
ปี 2567 จะมีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น “ไต้หวัน” “อินโดนีเซีย” “รัสเซีย” “เกาหลีใต้” “อินเดีย” “เม็กซิโก” “สหภาพยุโรป” “สหรัฐ” ฯลฯ สำนักข่าว “ดิ อีโคโนมิสต์” (The Economist) ระบุว่า จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นทั้งหมดราว 70 ครั้ง ด้วยจำนวนประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 4,200 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีประชากรเกินกว่า “ครึ่งหนึ่ง” ของโลกมีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งพร้อมๆ กัน
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในแต่ละประเทศอาจไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นประชาธิปไตยทั้งหมด โดย “ทอม สแตนเอจ” (Tom Stanage) รองบรรณาธิการสำนักข่าว “ดิ อีโคโนมิสต์” ให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เกิดเสรีภาพหรือความยุติธรรมมากขึ้น เช่นเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ก็ไม่อาจสะท้อนได้ว่า จะทำให้แต่ละประเทศมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นเช่นกัน
ชี้ชะตา “โดนัลด์ ทรัมป์” ด้วยคนกลุ่มหนึ่ง แต่ผลลัพธ์อาจสะเทือนทั้งแผ่นดิน :
หลังจากที่ศาลสูงสุดรัฐโคโลราโด (Colorado) และศาลสูงสุดรัฐเมน (Maine) มีคำพิพากษาตัดสิทธิอดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” (Donald Trump) จากการลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐขั้นต้น ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เขายังมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ คำตอบก็คือ “โดนัลด์ ทรัมป์” สามารถลงสมัครเลือกตั้งได้ตามปกติ เว้นแต่สองรัฐที่มีคำตัดสินไปแล้ว ได้แก่ รัฐโคโลราโด และรัฐเมน
หลังคำตัดสินถูกเผยแพร่ก็มีหลากหลายความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าว บ้างก็ว่าอดีตประธานาธิบดีโดนกลั่นแกล้งจากผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต เนื่องจากฐานเสียงในรัฐโคโลไรโดและรัฐเมนได้ชื่อว่า เป็น “ฐานที่มั่น” ของฝั่งเดโมแครต สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้ คือศาลสูงสุดสหรัฐจะเข้ามาแทรกแซงเพื่อพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ หลังจากที่พรรครีพับลิกันได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลโคโลราโดไปแล้ว และยังไม่มีความชัดเจนจากศาลสูงสุดว่า จะมีการพิจารณาคดีของทรัมป์ต่อไปอย่างไร
ด้าน “ทอม สแตนเอจ” เชื่อว่า มีโอกาส “1 ใน 3” ที่ทรัมป์จะได้ตำแหน่งประธานาธิบดีกลับคืนมา หากเขามีโอกาสได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง คำตัดสินเหล่านี้อยู่ในกำมือของคนกลุ่มหนึ่ง แต่ผลลัพธ์อาจสะเทือนไปทั่วโลก ตั้งแต่นโยบายที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ-สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการสนับสนุนทางการทหารสำหรับกรณี “ยูเครน” เป็นต้น
“ยุโรป” ก้าวขึ้นสู่แถวหน้าบนเวทีโลก :
“ยุโรป” จะมีบทบาทมากขึ้นในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้สนับสนุนทางการทหารและเศรษฐกิจแก่ “ยูเครน” ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งกับการต่อสู้ที่ยืดเยื้อยาวนานระหว่าง “รัสเซีย-ยูเครน” นัยหนึ่งก็เพื่อเป็นการทัดทานอำนาจของ “สหรัฐ” ที่มีความเป็นไปได้ว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” อาจได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกวาระ ซึ่งไม่แน่ว่า หาก “ทรัมป์” เข้ารับตำแหน่ง เขาอาจมีแผนการถอนกำลังสนับสนุน “ยูเครน” เพื่อพลิกฟื้นอำนาจของตนเองก็เป็นได้
ความวุ่นวายในตะวันออกกลางจะดำรงอยู่ต่อไป :
กรณี “อิสราเอล-ฮามาส” รวมทั้งการตอบโต้ของอิสราเอลในพื้นที่ “ฉนวนกาซา” อย่างต่อเนื่อง ได้กลายเป็นความขัดแย้งที่ขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น “สแตนเอจ” มองว่า ปรากฏการณ์นี้จะเกี่ยวโยงไปถึง “สหรัฐ” และ “รัสเซีย” เป็นโจทย์ใหญ่ของทั้งสองมหาอำนาจว่า จะสามารถปรับตัวเข้ากับโลกที่ซับซ้อนและมีภัยคุกคามมากขึ้นได้หรือไม่ ทั้งนี้ “สแตนเอจ” ยังเชื่อด้วยว่า เส้นทางบนถนนสายการเมืองของ “วลาดิเมียร์ ปูติน” (Vladimir Putin) หลังจากนี้จะแขวนอยู่บนกำมือของผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันมากกว่าชาวรัสเซียเสียอีก ความหมายก็คือ อนาคตทางการเมืองของ “ปูติน” อยู่ที่ว่า ประธานาธิบดีของสหรัฐในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นใคร ระหว่างฝั่ง “รีพับลิกัน” หรือ “เดโมแครต”
หมดเวลา “โลกขั้วเดียว” ถึงคราวคู่ขัดแย้งเพิ่ม :
จากเดิมที่ “สหรัฐ” พุ่งเป้าขยายอิทธิพลมายัง
ทวีปเอเชีย โดยมี “จีน” เป็นคู่แข่งตัวฉกาจที่กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด แต่แล้วทั้งหมดก็ถูกสกัดโดยภัยสงครามระหว่าง “รัสเซีย-ยูเครน” ด้าน “รัสเซีย” เองก็เกิดความหวาดวิตก-เกรงจะสูญเสียอิทธิพล ความไม่มั่นคงในพื้นที่รอยต่อเขตทะเลทรายกำลังก่อตัวขึ้น โลกกำลังเข้าสู่ความขัดแย้งระลอกใหม่ที่ไม่ได้มี “สหรัฐ” เป็นมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวอีกแล้ว
สงครามเย็นครั้งที่สองดำเนินต่อไป “Global South” เนื้อหอมเป็นที่หมายปอง
ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลง ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ไต้หวันตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง ด้าน “สหรัฐ” ยังคงจำกัดการลงทุน-เข้าถึงเทคโนโลยีของจีน ด้วยสถานการณ์ทั้งหมดที่ว่ามานี้ ทำให้วาทกรรม “The New Cold War” หรือ “สงครามเย็นครั้งที่ 2” เริ่มฉายชัดมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ทั้ง “สหรัฐ” และ “จีน” กำลังเร่งมือจึงเป็นการหันหน้าเข้าหาประเทศ “Global South” หรือประเทศ “โลกใต้” จากเดิมที่ประเทศเหล่านี้ถูกมองว่า เป็นประเทศกำลังพัฒนา ล้าสมัยกว่าเจ้าเทคโนโลยีอย่างมหาอำนาจโลก ขณะนี้ประเทศโลกใต้ได้กลายเป็นผู้มีอิทธิพล และเป็นที่ต้องการตัวจากการกุมอำนาจผ่านทรัพยากรทางธรรมชาติที่จะกลายเป็นขุมพลังงานใหม่ของโลกใบนี้
กำเนิด “มหาอำนาจสีเขียว” :
การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานก่อให้เกิด “มหาอำนาจสีเขียว” โดยมี “ลิเทียม” “ทองแดง” และ “นิกเกิล” เป็นตัวแปรสำคัญในการร่างแผนที่พลังงานผืนใหม่ ขณะที่ขุมทรัพย์เดิมอย่าง “ก๊าซธรรมชาติ” และ “น้ำมัน” จะกลายเป็นประเทศที่มีความสำคัญลดหลั่นลงมา หลังจากนี้การแข่งขันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรเพื่อพลังงานสะอาดใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
“สแตนเอจ” เชื่อว่า การถือกำเนิดขึ้นของ “มหาอำนาจสีเขียว” จะพลิกโฉมภูมิรัฐศาสตร์ทางการค้า สร้างข้อต่อรองระหว่างผู้แพ้-ผู้ชนะอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ขณะเดียวกัน “Greenlash” หรือ “Greenwashing” จะทวีคูณเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจนโยบายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศ ทำให้ผู้มีอำนาจหรือบรรดาธุรกิจรายใหญ่ทำการ “ฟอกเขียว” มากขึ้น
เศรษฐกิจไม่แน่นอน ดอกเบี้ยจะยังสูงต่อไป :
แม้จะประคองตัวจนจบปี 2566 มาได้ แต่ก็ผ่านมาอย่างทุลักทุเลสำหรับเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่แถบตะวันตก ซึ่งในปี 2567 ทั่วโลกจะยังคงเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดเหล่านี้ต่อไป ภาวะดอกเบี้ยสูงจะ “สูงขึ้น” และ “นานขึ้น” ผู้ประกอบการและผู้บริโภคต้องเจ็บปวดจากภาวะถดถอยกันอีกยาวๆ ด้าน “จีน” ที่เจอกับปัญหาเศรษฐกิจหนักหน่วงในปีที่ผ่านมา ปีนี้อาจตกอยู่ในสถานการณ์ “เงินฝืด” หลังดัชนีผู้บริโภคหดตัวต่อเนื่อง “สแตนเอจ” แนะนำจับตาความเคลื่อนไหวของบรรดาธนาคาร-สถาบันการเงินอย่างใกล้ชิด
“เอไอ” เติบโต ข้อถกเถียง ความเสี่ยง ความกังวลเพิ่มขึ้น :
ธุรกิจหลายแขนงนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ “เอไอ” มาใช้อย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลก็กำลังหาแนวทางในการควบคุมการใช้งานต่อไป พร้อมๆ กับนักพัฒนาก็ปรับปรุงให้ “เอไอ” มีประสิทธิภาพมากขึ้น ท่ามกลางข้อถกเถียงและข้อกังวลถึงความเสี่ยงและผลกระทบต่อการใช้งานที่แม้ด้านหนึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ แต่หากไม่สามารถหาทางควบคุมกำกับดูแลที่เหมาะสมก็อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน
โลกอาจ “รวมเป็นหนึ่งเดียว” ได้?
“ทอม สแตนเอจ” ทิ้งท้ายถึงประเด็น “Uniting the world” หรือการรวมเป็นหนึ่งเดียวกันของทั่วโลกว่า บางครั้งเราอาจละทิ้งอุดมการณ์จากเหตุการณ์ที่ทำให้ “โลกรวมเป็นหนึ่ง” ได้ อาทิ การแข่งขันโอลิมปิกที่ปารีส การแข่งขันคริกเก็ตชิงแชมป์โลก หรือการร่วมกันเอาใจช่วยเหล่านักบินอวกาศที่ต้องขึ้นไปทำภารกิจบนดวงจันทร์ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่รองบรรณาธิการ “ดิ อีโคโนมิสต์” คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นจากความเป็นไปได้ของสถานการณ์ที่มีอยู่เท่านั้น โลกในปี 2567 จะเป็นเช่นไร และ “ไทย” จะอยู่ตรงไหนบนเวทีโลกเราคงต้องติดตามกันต่อไป
ทั้งนี้ “ทอม สแตนเอจ” ดำรงตำแหน่งรองบรรณาธิการสำนักข่าว “ดิ อีโคโนมิสต์” และเป็นบรรณาธิการของโปรเจกต์ “The World Ahead 2024” โดยเขายังรับหน้าที่เป็นสปีกเกอร์หลากหลายเวทีในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทรนด์โลกด้วย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 3 มกราคม 2567