WEF ชี้ ภัยสงครามฉุดเศรษฐกิจโลกปีนี้อ่อนแอ ซ้ำผันผวนยาวนานถึง 3 ปี
เสียงสะท้อนจากนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ เวทีประชุมเวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัม (WEF 2024) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แสดงความกังวลว่า เศรษฐกิจโลกจะอ่อนแอลงในปีนี้ เป็นผลจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะผันผวนไปอีก 3 ปี
รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2024 ซึ่งจัดทำโดย เวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัม (World Economic Forum) ที่กำลังจัดประชุมประจำปีที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (15 -19 ม.ค.) ชี้ว่า เศรษฐกิจโลก จะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ 56% ที่ตอบคำถามการสำรวจของ WEF คาดการณ์ว่า ในปีนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อันเป็นผลกระทบจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงมากขึ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ หรือราว 87% ยังคาดว่า ภาวะความขัดแย้งและสงครามที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ จะสร้างความผันผวนให้กับเศรษฐกิจโลกต่อไปในระยะ 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์สัดส่วน 8 ใน 10 คาดว่า แนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินโลกด้วย
รายงานผลการสำรวจของ WEF ที่เผยแพร่วานนี้ (15 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกของการประชุม ชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า
* "เศรษฐกิจโลกปีนี้จะอ่อนแอลง และความแตกแยกแบ่งขั้วทางภูมิรัฐศาสตร์ก็จะยิ่งร้าวลึกมากขึ้นทั่วโลก"
* "เศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มซบเซา และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน”
* "แม้มีพัฒนาการที่เป็นบวกจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดน้อยลง และมีความคืบหน้าด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่ภาคธุรกิจและผู้กำหนดนโยบายยังคงเผชิญกับอุปสรรคและความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัว ขณะที่ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดในสังคมมีความรุนแรงขึ้น”
* ผลสำรวจยังพบว่า นักเศรษฐศาสตร์มีความกังวลต่อเศรษฐกิจในยุโรปมากที่สุด ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา แต่มีมุมมองเป็นบวกสำหรับเศรษฐกิจในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกรวมทั้งแปซิฟิก ขณะที่มีมุมมองที่ระมัดระวังต่อเศรษฐกิจจีน
* อย่างไรก็ดี ในมุมมองเชิงบวก ผลสำรวจระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวในปีนี้ ขณะที่ภาวะทางการเงินก็จะผ่อนคลายลงเช่นกัน
ทั้งนี้ การสำรวจของ WEF เป็นการสอบถามความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ระดับหัวหน้าจำนวน 30 คน ในช่วงระหว่างเดือนพ.ย.และธ.ค.ที่ผ่านมา (2566) ซึ่งผลสำรวจพบว่า
* 56% คาดว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะอ่อนแอลง
* ขณะที่ 20% เชื่อว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้ไม่น่าจะแตกต่างจากปี 2566
* มีเพียง 23% ที่มองว่า เศรษฐกิจปีนี้จะแข็งแรงกว่าปีที่ผ่านมา
รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2024 ซึ่งจัดทำโดย เวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรัม (World Economic Forum) ที่กำลังจัดประชุมประจำปีที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (15 -19 ม.ค.) ชี้ว่า เศรษฐกิจโลก จะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ 56% ที่ตอบคำถามการสำรวจของ WEF คาดการณ์ว่า ในปีนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อันเป็นผลกระทบจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงมากขึ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ หรือราว 87% ยังคาดว่า ภาวะความขัดแย้งและสงครามที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ จะสร้างความผันผวนให้กับเศรษฐกิจโลกต่อไปในระยะ 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์สัดส่วน 8 ใน 10 คาดว่า แนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินโลกด้วย
รายงานผลการสำรวจของ WEF ที่เผยแพร่วานนี้ (15 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกของการประชุม ชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า
* "เศรษฐกิจโลกปีนี้จะอ่อนแอลง และความแตกแยกแบ่งขั้วทางภูมิรัฐศาสตร์ก็จะยิ่งร้าวลึกมากขึ้นทั่วโลก"
* "เศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มซบเซา และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน”
* "แม้มีพัฒนาการที่เป็นบวกจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดน้อยลง และมีความคืบหน้าด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่ภาคธุรกิจและผู้กำหนดนโยบายยังคงเผชิญกับอุปสรรคและความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัว ขณะที่ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดในสังคมมีความรุนแรงขึ้น”
* ผลสำรวจยังพบว่า นักเศรษฐศาสตร์มีความกังวลต่อเศรษฐกิจในยุโรปมากที่สุด ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา แต่มีมุมมองเป็นบวกสำหรับเศรษฐกิจในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกรวมทั้งแปซิฟิก ขณะที่มีมุมมองที่ระมัดระวังต่อเศรษฐกิจจีน
* อย่างไรก็ดี ในมุมมองเชิงบวก ผลสำรวจระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวในปีนี้ ขณะที่ภาวะทางการเงินก็จะผ่อนคลายลงเช่นกัน
ทั้งนี้ การสำรวจของ WEF เป็นการสอบถามความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ระดับหัวหน้าจำนวน 30 คน ในช่วงระหว่างเดือนพ.ย.และธ.ค.ที่ผ่านมา (2566) ซึ่งผลสำรวจพบว่า
* 56% คาดว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะอ่อนแอลง
* ขณะที่ 20% เชื่อว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้ไม่น่าจะแตกต่างจากปี 2566
* มีเพียง 23% ที่มองว่า เศรษฐกิจปีนี้จะแข็งแรงกว่าปีที่ผ่านมา
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 16 มกราคม 2567