ผู้ว่าธปท.ชี้ ศก.ไทยยังไม่วิกฤต แค่ฟื้นตัวช้า หวังเติบโตระยะยาว ต้องมุ่งพัฒนาโครงสร้าง
สำนักข่าวรอยเตอร์ได้สัมภาษณ์พิเศษ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หลังเขาถูกนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีวิจารณ์จากการที่ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ล่าช้ากว่าที่คาดนั้นไม่ถือเป็นวิกฤต และเป็นไปไม่ได้ที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายเศรษฐพุฒิให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ในวันที่ 23 มกราคม ก่อนที่ธปท.จะประชุมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท. ในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมย้ำว่าประเทศไทยไม่ได้กำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด
การออกมาแสดงความเห็นของนายเศรษฐพุฒิมีขึ้นหลังจากนายเศรษฐาเรียกร้องให้ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันแตะระดับสูงสุดในรอบทศวรรษที่ 2.50% เพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจ
“ถ้าคุณต้องการเพิ่มอัตราการเติบโตที่มีศักยภาพในระยะยาว สิ่งที่คุณทำต้องเป็นเรื่องของโครงสร้าง ต้องมีการเพิ่มผลผลิต แต่วิธีที่จะไปถึงจุดนั้นไม่ใช่เพียงแค่การนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นมาใช้เท่านั้น” นายเศรษฐพุฒิกล่าว
ขณะที่รัฐบาลอธิบายว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤต พร้อมกับเน้นย้ำถึงความจำเป็นของโครงการแจกเงินดิจิทัลมูลค่า 5 แสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นการบริโภค
นายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า สิ่งที่เราเห็นคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ช้ากว่าที่คาดไว้ พร้อมย้ำว่า “นี่ไม่ถือเป็นวิกฤต”
นายกรัฐมนตรีเศรษฐาได้พบกับนายเศรษฐพุฒิเมื่อต้นเดือนมกราคมเพื่อกระตุ้นให้เขาลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งนายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า มีเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่มีอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำว่าไทยคือญี่ปุ่นและสวิตเซอร์แลนด์
นายเศรษฐพุฒิกล่าวด้วยว่า การพบกับนายเศรษฐาเมื่อเร็วๆ นี้เป็นการหารือกันอย่างจริงใจ ขณะที่การยืนหยัดต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นส่วนหนึ่งในงานของเขาอยู่แล้ว พร้อมกับย้ำ“ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือการรักษาและธำรงไว้ซึ่งความเป็นอิสระต่อความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง”
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ลดลงจาก 2.4% ที่ได้เห็นก่อนหน้า โดยการท่องเที่ยวและการส่งออกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ซึ่งทั้งสองภาคส่วนนั้นเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับจีน
นายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าจีนมีความสำคัญต่อเรามาก โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 12% ของการส่งออก ขณะที่ก่อนโควิด นักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนถึง 27% ของนักท่องเที่ยวที่มาไทย ซึ่งนักท่องเที่ยที่เดินทางเข้ามาในปี 2567 จะต่ำว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ในเดือนพฤศจิกายนที่ 34.5 ล้านคน แต่นายเศรษฐพุฒิปฎิเสธที่จะระบุจำนวนที่เฉพาะเจาะจง
ผู้ว่าการธปท.กล่าวด้วยว่า จะมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ อัตราเงินเฟิอทั่วไปคาดว่าจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ล่าสุดที่ 2% ในปีนี้
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และอาจรวมถึงมีนาคมติดลบ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานน่าจะสอดคล้องกับการคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 1.2%
อย่างไรก็ดี นายเศรษฐพุฒิกล่าวว่า การที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเป็นลบมาจากการอุดหนุนด้านพลังงานของรัฐบาล และไม่ได้ถือเป็นปัญหาหรือสัญญานของภาวะเงินฝืด เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภคก็ลดลงติดต่อกัน 3 เดือนจนถึงเดือนธันวาคม นี่เป็นเพียงสิ่งที่จะเกิดขึ้นชั่วคราว การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะยาวยังคงเป็นบวกและยังถือว่ามีเสถียรภาพ
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 24 มกราคม 2567