ธุรกิจไทย หนุน ไมโครซอฟตท์ ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ แนะรัฐติวแรงงานรับเทรนด์ AI
"นักธุรกิจไทย" รับไอเดีย "ไมโครซอฟท์" หนุนใช้คลาวด์-เอไอ ต่อยอดธุรกิจ ส.อ.ท.พร้อมผลักดันเอสเอ็มอี ลุยดิจิทัล-อินโนเวชั่น ชี้หนุนความเชื่อมั่นประเทศ “ณภัทร” แนะรัฐบาลหนุนประชาชนเห็นความชัดเจนผลตอบแทนทางเศรษฐกิจตลอดแวลูเชน เร่งพัฒนาทักษะแรงงาน รับมือคลื่นเอไอ
การเดินทางมาเยือนอาเซียนของนายสัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ เป็นที่จับตามองของนักธุรกิจที่เห็นความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะมาเปลี่ยนทิศทางของธุรกิจ โดยซีอีโอไมโครซอฟท์ ได้เยือนอินโดนีเซียพร้อมประกาศการลงทุน 1,700 ล้านดอลลาร์ (ราว 63,000 ล้านบาท) ในอีก 4 ปีข้างหน้า เพื่อขยายบริการคลาวด์และ AI ในอินโดนีเซีย

ขณะที่การเยือนไทยในวันที่ 1 พ.ค.2567 ได้ยืนยันแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และ AI ในไทย โดยไมโครซอฟท์ จัดงาน Microsoft Build: AI Day เวทีพบปะชุมชนนักพัฒนา ผู้นำธุรกิจ และผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเวลานี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ปาฐกถาความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนในไทย
การจัดงานครั้งนี้มีนักธุรกิจหลายรายเข้าร่วมทั้งในภาคการผลิต การค้าและในอุตสาหกรรมดิจิทัล โดย “กรุงเทพธุรกิจ” ได้รวบรวมความเห็นของนักธุรกิจไทยต่อมุมมองของซีอีโอไมโครซอฟท์ ต่อการขับเคลื่อนคลาวด์และ AI
ส.อ.ท.ดันเอสเอ็มอีลุยดิจิทัล :
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากการที่ซีอีโอไมโครซอฟท์ เปิดเวทีพบปะชุมชนนักพัฒนาและผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมในไทย ซึ่ง ส.อ.ท.มีผู้แทนเข้ารับฟัง และการมาของไมโครซอฟท์จะเป็นประโยชน์ต่อไทย
โดยไมโครซอฟท์ต้องการตั้งศูนย์ Regional Azure Datacenter เป็นระดับภูมิภาค โดยใช้ไทยเป็นฐานแห่งที่ 3 จากปัจจุบันมีอยู่ 2 แห่ง คือสิงคโปร์และฮ่องกง
ทั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย เพราะ AI เป็นส่วนสำคัญ การที่ไมโครซอฟท์จะช่วยรีสกิลคนในภูมิภาคให้สามารถใช้ระบบได้ถึง 2.4 ล้านคน ในปี 2025 โดยในส่วนของภาคอุตสาหกรรมจะช่วยได้มาก เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ โดยเรื่องของเทคโนโลยีถือเป็นอุตสาหกรรมอนาคต ต้องใช้ให้เป็น เหมือนการใช้แชท GPT ที่ต้องรู้วิธีใช้ รู้วิธีตั้งคำถามให้ได้ประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้ ทุกประเทศในโลกรวมทั้งประเทศไทย โดย 1 ใน เอส-เคิร์ฟ การเข้าสู่สังคมดิจิทัล ซึ่ง AI จะพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาทดแทนคน เช่น การเขียนโปรแกรม เป็นต้น ซึ่งจะดิสรัปชันงานอีกมหาศาล ลดขั้นตอนการทำงานจากการใช้คน และใช้เครื่องมือให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงต้องฝึกการใช้เป็นถือเป็นเครื่องมือที่ดี
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกลุ่มเอสเอ็มอีไทย โดยเฉพาะสมาร์ทเอสเอ็มอี ส.อ.ท.มองว่าตรงกับนโยบายการที่จะทรานฟอร์มเอสเอ็มอีไปสู่สมาร์ทเอสเอ็มอี ผ่านนโยบายโก ดิจิทัล และ โก อินโนเวชั่น ถือเป็นเรื่องเดียวที่คาบเกี่ยวกับ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ลดคน
“การเข้ามาของไมโครซอฟท์ครั้งนี้ จะช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาค เป็นที่น่าสนใจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมคลาวด์ เทคโนโลยีด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่อยู่ในกลุ่มนี้ ทำให้ไทยอยู่ในจอเรด้าที่สำคัญ ถือว่าเราได้เปรียบมีแต้มต่อในการลงทุน” นายเกรียงไกร กล่าว
หอการค้าห่วงไทยขาดผู้เชี่ยวชาญ :
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า สำหรับการที่นายสัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมฌครซอฟท์มาไทย พร้อมทั้งประกาศตั้งฐาน DATA Center ที่แรกในประเทศไทย และเดินหน้าโครงการฝึกทักษะ AI ให้คนไทยและภูมิภาคอาเซียนนั้น หอการค้าฯ มองว่า เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยที่จะได้ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่จะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สำคัญในระยะใกล้นี้ คือ
1)การเสริมสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล จะช่วยเพิ่มความสามารถในการเก็บรักษาและประมวลผลข้อมูลที่สำคัญสำหรับธุรกิจและบริการต่าง ๆ

2)ส่งเสริมการลงทุน การมี Data Center ในประเทศจะช่วยดึงดูดการลงทุนในด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล และธุรกิจใหม่ ๆ ที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูล เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ อุตสาหกรรมพลังงาน Robotics เป็นต้น
3. เพิ่มโอกาสในด้านการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรของประเทศ ซึ่งไทยยังขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลขั้นสูง หากมีการจัดตั้ง Data Center จะช่วยเพิ่มศักยภาพคนไทย เพื่อป้อนเข้าสู่ธุรกิจและอุตสาหกรรมสมัยใหม่ภายในประเทศนำไปสู่การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
4. การเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ Data Center จะช่วยให้เกิดการด้านความปลอดภัยของการจัดเก็บข้อมูล สามารถรองรับการขยายระบบ การโอนย้ายข้อมูล การประมวลผลทางธุรกรรม การจัดการข้อมูลลูกค้า
ซึ่งทั้ง 4 ด้าน นี้หอการค้าฯ เชื่อว่า Data Center จะมีส่วนสำคัญในการพลิกฟื้นโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอล และนำประเทศไทยก้าวไปสู่ประเทศที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อยกระดับขีดสร้างความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น
แนะรัฐบาลเร่งพัฒนาแรงงานรับ AI :
นายณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Siametrics Consulting และ ViaLink และกรรมการผู้จัดการสถาบันอนาคตไทยศึกษา (Thailand Future) เปิดเผยว่า ซีอีโอของไมโครซอฟท์พูดถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดจาก AI นั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งตอกย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงจาก AI จะรวดเร็วมาก
“ภาครัฐจำเป็นที่ต้องมีนโยบายที่จะรองรับ โดยเมื่อมีการนำเอา AI มาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มที่ก็จะเกิดผลกระทบตามมา โดยเฉพาะผลกระทบที่เกี่ยวกับแรงงานต่างๆ ซึ่งรัฐต้องมีนโยบายรองรับเช่นกัน” นายณภัทร กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าแรงงานที่ไม่มีทักษะ AI เลยจะได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากการพัฒนา AI นั้นมีความรวดเร็ว และการทำงานของ AI นั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ จนการแข่งขันกับ AI นั้นไม่สามารถทำได้แล้วเพราะประสิทธิภาพ AI นั้นมีการพัฒนาความสามารถไปจนมีความสามารถที่เหนือกว่ามนุษย์ในหลายๆด้านแล้ว
“มองในมุมของนายจ้าง ประสิทธิภาพการทำงานของ AI นั้นเข้ามาแทนการทำงานในบางตำแหน่งได้แล้ว ในอนาคตแรงงานที่ไม่มีทักษะความรู้ AI จะมีโอกาสตกงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในปัญหาที่ภาครัฐจะต้องวางแผนรองรับ” นายณภัทร กล่าว
นอกจากนี้ การที่ซีอีโอไมโครซอฟท์ เดินทางมายังประเทศไทยและประกาศการลงทุนดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในไทยว่าเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและคาดว่าจะมีอีกหลายบริษัทที่เข้ามาลงทุนในเรื่องนี้ในด้านนี้ในไทยเช่นกัน ซึ่งในแง่การลงทุนในส่วนนี้ก็จะคล้ายกับอุตสาหกรรมอื่นๆที่จะมีห่วงโซ่มูลค่า (value chain) ต่อเนื่องไปในการผลิตด้านต่างๆ

ทั้งนี้ รัฐบาลต้องมีการสื่อสารกับประชาชนด้วยว่าการเข้ามาลงทุนในส่วนนี้สร้างมูลค่าเศรษฐกิจอย่างไร มีธุรกิจ และอุตสาหกรรมอะไรที่เกี่ยวข้องจะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจบ้างเช่นเดียวกับที่มีการชี้แจงเมื่อมีการเข้ามาลงทุนของอุตสาหกรรมอื่น เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า(EV) แล้วเกิดซัพพลายเชนต่อเนื่อง ซึ่งการให้ข้อมูลลักษณะนี้จะทำให้เกิดความตื่นตัวในทางธุรกิจและการลงทุนมากขึ้น
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 2 พฤษภาคม 2567