ค้าเสรี? สหรัฐจ่อขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีน 6.66 แสนล้าน พุ่งเป้าสารพัดสินค้าสำคัญ
ทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ว่า สหรัฐอเมริกากำลังจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าสูงถึง 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.66 แสนล้านบาท โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่างๆ
สินค้าเป้าหมายที่สหรัฐระบุถึง ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) แบตเตอรี เหล็ก แร่ธาตุสำคัญ รวมไปถึงเซมิคอนดักเตอร์ โดยรถยนต์อีวีจะถูกขึ้นภาษี 4 เท่าเป็น 100% ขณะที่อัตราภาษีของเซมิคอนดักเตอร์จะปรับขึ้นจาก 25% เป็น 50%
ส่วนเหล็กและอลูมิเนียมบางชนิดจะถูกปรับขึ้นภาษีประมาณ 3 เท่า รวมถึงมีการเพิ่มภาษีสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนของรถอีวี และชิ้นส่วนของแบตเตอรี่ ด้านกราไฟท์ธรรมชาติและแร่ธาตุสำคัญอื่นๆ จะถูกเพิ่มจาก 0 เป็น 25% และเซลล์แสงอาทิตย์จะถูกเพิ่มอัตราภาษีจาก 25% เป็น 50%
ทำเนียบขาวระบุว่า การดำเนินการปรับขึ้นภาษีสินค้าจีนดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมให้จีนขจัดแนวปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทรัยพ์สินทางปัญญา และนวัตกรรม
นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในเรื่องนี้โดยแสดงจุดยืนคัดค้านการขึ้นภาษีฝ่ายเดียวของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก และว่า จีนจะใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
เรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการทบทวนอัตราภาษีในระหว่างการเปิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้มีการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าราว 3 แสนล้านดอลลาร์จากจีน
ภายใต้การสอบสวนในมาตรา 301 ได้กลายมาเป็นเครื่องมือที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ใช้ในการหาเหตุผลเพื่อขึ้นภาษี และผู้แทนการค้าสหรัฐจะมีหน้าที่ในการทบทวนผลกระทบของการเก็บภาษีหลังเวลาผ่านไป 4 ปี ซึ่งการประกาศเพิ่มอัตราภาษีของทำเนียบขาวในครั้งนี้ก็เป็นการดำเนินการภายใต้ ม.301 ของรัฐบัญญัติทางการค้าปี 1974
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 14 พฤษภาคม 2567