เอกชนชี้รอผลศก.ไตรมาส 2 ฟันทิศทางทั้งปีออกลูกผีหรือลูกคน
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การเติบโตของจีดีพีไทยในปี 2567 มีโอกาสวิ่งไปได้ถึง 2.5% ตามที่คาดการณ์ไว้ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ หลังตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 ที่ออกมาค่อนข้างต่ำ เนื่องจากงบประมาณประจำปีนี้ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้ แต่ขณะนี้สามารถใช้ได้แล้วทำให้ปลายไตรมาส 2 จะเริ่มเห็นภาพดีขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 3 นี้ ที่น่าจะใช้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลต้องไม่ปล่อยให้เครื่องมืออื่นชะลอตัวลง หากเจอปัญหาอะไรก็ต้องรีบเข้าไปอุดรอยรั่วให้เร็วที่สุด
“เอกชนจะเป็นผู้บอกให้เห็นถึงปัญหาที่เริ่มเกิดขึ้น และบอกด้วยความรวดเร็วด้วย ทำให้การพูดคุยหารือร่วมกันระหว่างรัฐบาลและเอกชนจะต้องมีความใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งภาคเอกชนก็ยินดีที่จะให้ข้อมูลตลอดเวลาอยู่แล้ว โดยภาพเศรษฐกิจไตรมาส 2 ที่จะออกมา จะเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าทิศทางทั้งปี 2567 เศรษฐกิจไทยจะเป็นลูกผีหรือลูกคน เนื่องจากปลายไตรมาส 2 จะมีงบประมาณที่ขาดไปตั้งแต่ปลายปี 2566 จนถึงต้นปีนี้เข้ามาเติมเต็มเศรษฐกิจ หากเติมเข้าไปแล้วยังไม่ได้อีก อันนี้จะต้องคิดหนักกว่าเดิมแล้ว” นายวิศิษฐ์ กล่าว
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย โดยที่ผ่านมาพยายามให้การเดินทางท่องเที่ยวของชาวต่างชาติที่จะเข้ามาเที่ยวไทย ทำได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งหลายสิ่งที่ทำก่อนหน้าถือว่าทำได้ดีอยู่แล้ว อาทิ การอำนวยความสะดวกไม่ให้มีแถวรอนานในบริเวณช่องทางขาเข้า ใช้ระบบที่ทันสมัยในการตรวจสอบผู้ผ่านเข้าเมือง เพิ่มพนักงานบริการในสนามบินมากขึ้น รวมถึงเส้นทางที่มีความต้องการ (ดีมานด์) มีการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในเส้นทางต่างๆ มีความสำคัญ หากมีดีมานด์เข้ามามาก ก็ต้องศึกษาการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้เข้ามาได้มากขึ้นตามดีมานด์ที่มี ไม่ทำอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของการท่องเที่ยวไทย
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อในด้านการท่องเที่ยวในประเทศ คือ ต้องดูในเรื่องซัพพลาย อาทิ ที่พัก รวมถึงเส้นทางท่องเที่ยวที่ต้องพยายามเชื่อมโยงจากเมืองหลักไปเมืองรองมากขึ้น เนื่องจากเมืองหลักตอนนี้รับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศอย่างเต็มที่มากแล้ว จึงต้องพยายามหาวิธีประชาสัมพันธ์เมืองรองที่มีศักยภาพใหม่มากขึ้น เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวเข้าไปในจังหวัดอื่นๆ นอกเหนือจากเมืองหลัก ซึ่งถือเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นได้ทั่วประเทศมากขึ้นอีก เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวไทยเป็นประโยชน์กับคนในประเทศมากที่สุด
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ส่วนภาคการส่งออก มีสัดส่วนสูงถึง 60% ของจีดีพี จึงถือเป็นภาคส่วนที่สำคัญ แม้ในปี 2567 จะคาดการณ์ว่าการเติบโตคงอยู่ประมาณ 2% แต่ก็ถือเป็นสัดส่วนที่มีความสำคัญ รัฐบาลจึงต้องพยายามรักษาระดับไม่ให้ต่ำไปมากกว่านี้ หากดีกว่านี้ได้ก็จะดีมาก แต่หากเพิ่มขึ้นไม่ได้ก็ต้องไม่ลดลงมากกว่าเดิม เนื่องจากภาวะการส่งออกทั้งโลก การแข่งขันตลาดส่งออกถูกกดดันจากจีนมากพอสมควร เพราะจีนพยายามฟื้นเศรษฐกิจของตัวเองด้วยการส่งเสริมให้ส่งออกสินค้ามากขึ้น หลังจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนถือว่าเป็นขาลงที่มีการชะลอตัวแล้ว ทำให้การผลักดันการส่งออกของจีน ส่งผลกระทบกับประเทศผู้ส่งออกเดิมที่มีการแข่งขันสูงขึ้น ทำให้ต้องหาทางทำอย่างไรให้เรายังสามารถแข่งขันได้ ขีดความสามารถของผู้ประกอบการด้านส่งออกรัฐบาลต้องเข้ามาช่วยดูแล
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 4 มิถุนายน 2567