ADB เพิ่มคาดการณ์จีดีพีเอเชีย กลุ่มประเทศส่งออกเทคโนโลยีปรับขึ้น แต่ไทยยังเท่าเดิม
ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียปี 2024 เป็น 5.0% จากคาดการณ์ครั้งก่อน 4.9% โดยปรับเพิ่มให้ผู้ส่งออกเทคโนโลยีอย่างเกาหลีใต้กับไต้หวัน ส่วนไทยคงคาดการณ์ 2.6% เท่าเดิม
วันนี้ 17 กรกฎาคม 2024 นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) เผยแพร่รายงานการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย (Asian Development Outlook July 2024) โดยในรายงาน ADB มีการปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ภาพรวมของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียในปี 2024 เป็น 5.0% จากคาดการณ์ครั้งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน คาดว่าจะโต 4.9%
ADB ให้เหตุผลการปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจว่า เนื่องจากมีแรงหนุนของการส่งออกสินค้าด้านเทคโนโลยีที่ดีขึ้นในเกาหลีใต้และไต้หวัน ตลอดจนอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งทั่วภูมิภาค
แต่สำหรับการคาดการณ์การเติบโตของปี 2025 ADB ยังคงตัวเลขคาดการณ์ไว้เท่าเดิมที่ 4.9%
รายงานระบุว่า ด้วยกำลังซื้อภายในประเทศที่ยืดหยุ่นของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย ตลอดจนการส่งออกที่ดีขึ้น จะช่วยสนับสนุนการเติบโตในปีนี้
ทั้งนี้ “ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย” ตามนิยามของ ADB หมายถึงบรรดาประเทศสมาชิกของธนาคารทั้ง 46 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม รายงานยังระบุถึงความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งใหญ่ในสหรัฐ ที่อาจยกระดับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ได้ อีกทั้งสงครามในยูเครนและในตะวันออกกลางที่เพิ่มเติมความกังวลต่อการค้าที่โลกแตกย่อย ซึ่งสามารถปั่นป่วนห่วงโซ่อุปทานได้อีกครั้ง รวมถึงความเป็นไปได้ที่วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีนจะแย่ลงไปอีก
สำหรับเศรษฐกิจจีน ADB คงการเติบโตไว้เท่ากับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 4.8% ในปีนี้ และ 4.5% ในปี 2025
นอกจากจีนแล้ว รายงานยังคงการเติบโตของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง และอินเดียไว้เท่าเดิม ไม่เปลี่ยนไปจากการประมาณการครั้งก่อนหน้านี้
ส่วนกลุ่มที่ ADB ปรับเพิ่มคาดการณ์ ได้แก่ เกาหลีใต้ที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นโต 2.5% จากคาดการณ์ครั้งก่อนหน้านี้คาดไว้ที่ 2.2% และไต้หวันเพิ่มคาดการณ์เป็นโต 3.5% จากเดิมคาดการณ์โต 3.0% ทั้งยังบอกด้วยว่า ทั้งเกาหลีใต้และไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีรายสำคัญของโลกจะได้ประโยชน์จากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลก
รายงานระบุว่า ในหมู่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกันเอง ฟิลิปปินส์และเวียดนามถูกคาดว่าจะได้ประโยชน์จากปริมาณความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากว่าทั้งสองประเทศเชี่ยวชาญในด้านการผลิตแผงวงจรรวม (IC Packaging) และการประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่ง ADB ยังคงคาดการณ์ตัวเลขเท่าเดิม ว่าเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศจะโต 6.0% ในปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน
ส่วนด้านอัตราเงินเฟ้อ ADB คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะลดลงอยู่ที่ 2.9% ในปีนี้ เป็นการปรับลดคาดการณ์ลงจาก 3.2% ที่เคยมองไว้เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2023 ที่อยู่ที่ 3.3% โดยแนวโน้มที่ลดลงนี้เป็นเพราะว่าการปรับใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดในช่วงก่อนหน้านี้เพิ่งมีผล
ส่วนคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียในปี 2025 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.0%
กระนั้น รายงานยังกล่าวอีกด้วยว่า บางประเทศในเอเชียเริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงินลงบ้างแล้ว เพื่อกระตุ้นการบริโภค แต่บางประเทศอย่างฟิลิปปินส์ ยังต้องคอยดูท่าทีจากธนาคารกลางของสหรัฐ (เฟด) ก่อนที่จะออกมาตรการนโยบายการเงินต่อไป ซึ่ง ADB ตั้งข้อสังเกตว่า อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐและประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ ยังคงมีผลต่อการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าของประเทศในเอเชีย
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 17 กรกฏาคม 2567