รัฐบาล เกาะติดสถานการณ์สหรัฐฯ เสี่ยงเผชิญสัญญาณอันตราย
รัฐบาล เกาะติดสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา หลังทั่วโลกกังวลเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังตัวเลขด้านแรงงานล่าสุด พบสัญญาณชะลอตัว และอัตราการว่างงานพุ่งสูง ทั่วโลกเผชิญความเสี่ยง
จากกรณีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา กำลังมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) อีกครั้ง ภายหลัง สหรัฐฯ รายงานตัวเลขด้านแรงงานล่าสุดพบ อัตราการว่างงานพุ่งสูงขึ้นถึง 4.3% และมีสัญญาณการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง จนสร้างความกังวลต่อตลาดทุนทั่วโลก
ล่าสุด แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า รัฐบาล และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ อยู่อย่างต่อเนื่องเป็นรายสัปดาห์ โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจหลัก และประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีสหรัฐฯ ด้วย และถ้ามีสถานการณ์อะไรที่น่ากังวลจะมีการสรุปข้อมูลรายงานต่อนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ต่อไป
ทั้งนี้ที่ผ่านมายอมรับว่า การติดตามสถานการณ์ประเทศเศรษฐกิจหลัก และประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ นั้น รัฐบาลได้ติดตามข้อมูลมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรก ปี 2567 โดยประเมินแนวโน้มและความเสี่ยงของการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณผ่านเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ในประมาณการตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดอะไรขึ้นจะได้หาเครื่องมือมารองรับได้ทัน
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลติดตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของทุกประเทศอยู่แล้ว โดยในกรณีของสหรัฐฯ นั้น เชื่อว่า ทางกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ในเบื้องต้นประเมินว่า สหรัฐฯ อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งถ้าลดลงจริง จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาสถานการณ์ด้านการเงินและอัตราดอกเบี้ยด้วย
“ถ้าสหรัฐฯ กำลังพยายามแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศตัวเอง เพราะอัตราดอกเบี้ยสูงนานเกินไป ถ้าปรับดอกเบี้ยลงก็เปิดโอกาสให้ ธปท. ปรับดอกเบี้ยลงตามก็เป็นไปได้ ซึ่งน่าจะเกิดผลเชิงบวกต่อลูกหนี้คนไทยได้ แต่ก็คงต้องรอเวลาอีกระยะน่าจะมีความชัดเจนเกิดขึ้น” โฆษกรัฐบาล ระบุ
ขณะที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เกิดภาวะถดถอย ทั่งโลกจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน รัฐบาลก็ต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ช่วงนี้เป็นโอกาสเหมาะกับการพิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบายลง
“ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสหรัฐฯ ในปัจจุบัน เห็นว่า มีต้นตอมาจากเฟด ลดดอกเบี้ยช้าเกินไป สะท้อนให้เห็นถึงประเทศไทยว่า เกิดปัญหาขึ้นในลักษณะเดียวกันหรือไม่ และต้องถามตัวเอง เพราะที่ผ่านมาสหรัฐ ต้องสู้กับปัญหาเงินเฟ้อ แต่ไทยเองไม่มีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ เป็นคำถามที่ต้องไปถามธปท. ว่าจะทำอย่างไรต่อไป และต้องมาหาทางออกร่วมกัน ไม่อย่างนั้นเมื่อสหรัฐฯ แย่ไทยก็แย่ไปด้วย” นายพิชัย กล่าว
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 5 สิงหาคม 2567