ส่องแผนการใหญ่จีน หนุน "อีคอมเมิร์ซ" ครองตลาดโลก
"อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน" เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่ของจีน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การค้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีนเติบโตขึ้นมากกว่า 10 เท่า ซึ่งเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้เอ่ยปากยกย่องว่า อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนเป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศของจีน
ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่การบริโภคภายในประเทศของจีนอ่อนแอ เศรษฐกิจจีนต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก “อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน” ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ไม่กี่ตัวของจีนที่ยังทำงานได้ดีในปัจจุบันก็ยิ่งมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2024 จีนมีบริษัทด้านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนมากกว่า 120,000 บริษัท มีนิคมอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนมากกว่า 1,000 แห่ง และมีจำนวนคลังสินค้าในต่างประเทศกว่า 2,500 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 30 ล้านตารางเมตร
ขณะที่การสร้างแบรนด์สินค้าก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย ณ สิ้นปี 2023 จีนจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศแล้วมากกว่า 30,000 รายการ จากปี 2022 ที่มีจำนวน 20,000 รายการ นอกจากนั้น จีนมีเครื่องบินขนส่งสินค้า 255 ลำ ณ สิ้นปี 2023
ความสำเร็จของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีนนั้นเกิดขึ้นจากสองแรงผนวกกัน คือ แรงความพยายามของภาคธุรกิจ และแรงหนุนจากภาครัฐ
หลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนพยายามส่งเสริมและพัฒนาภาคการค้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน โดยมีกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน
หนึ่งในการดำเนินการที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีน คือ การสร้างเขตนำร่องสำหรับการพัฒนาอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน นับตั้งแต่ปี 2015 ถึงเดือนพฤษภาคม 2024 กระทรวงพาณิชย์จีนได้จัดตั้งเขตนำร่องบูรณาการอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนแล้ว 165 แห่ง ซึ่งขนาดอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนขององค์กรที่อยู่ในเขตนำร่องเหล่านี้คิดเป็นกว่า 95% ของขนาดอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนทั้งหมดในจีน
สำหรับปัจจุบันและอนาคต จีนมีแผนต่าง ๆ อีกมากมายที่จะดำเนินการเพื่อพัฒนาการค้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนให้เติบโตยิ่ง ๆ ขึ้นไป
เฉพาะในปี 2024 นี้ กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ว่าจะมีการดำเนินการหลายด้าน ได้แก่
(1) เปิดตัวมาตรการเพื่อขยายการส่งออกอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนและส่งเสริมการพัฒนาคลังสินค้าในต่างประเทศ
(2) พัฒนา “อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน + เขตอุตสาหกรรม” ส่งเสริมให้บริษัทการค้าระหว่างประเทศแบบดั้งเดิมเปลี่ยนผ่านเป็นอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน สนับสนุนบริษัทชั้นนำในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ผสานกันของห่วงโซ่อุปทานต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และพึ่งพานิคมอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนทั่วโลกเพื่อบ่มเพาะบริษัทสตาร์ตอัพให้มีจำนวนมากขึ้น
(3) เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและการฝึกอบรมในอุตสาหกรรม ซึ่งปี 2024 นี้ มีการฝึกอบรมบุคลากรจำนวน 100,000 คน และ
(4) ส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาในภาคอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
เมื่อเดือนมีนาคม 2024 จีนเผยแพร่ “สมุดปกฟ้า” หรือ รายงานว่าด้วยการพัฒนาในต่างประเทศสำหรับบริษัทอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีน ซึ่งระบุไว้ว่า การพัฒนาตลาดเกิดใหม่จะเป็นจุดเน้นของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีน โดยภูมิภาคต่าง ๆ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกา จะเป็นขั้วการเจริญเติบโตใหม่ (New Growth Pole)
“ในปี 2023 อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีนได้แสดงให้เห็นถึงพลวัตและความยืดหยุ่นอันแข็งแกร่งมั่นคง ขณะที่การเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนได้ส่งอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนทั่วโลก” ข้อความส่วนหนึ่งในสมุดปกฟ้า
นอกจากนั้น ในสมุดปกฟ้ายังบอกอีกว่า บริษัทอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีนได้คว้าโอกาสจากความร่วมมือระหว่างประเทศ “อีคอมเมิร์ซเส้นทางสายไหม” โดยได้เจาะตลาดเกิดใหม่ ขยายความครอบคลุมของบริการ และพัฒนาระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนให้ดียิ่งขึ้น
อีกหนึ่งความพยายามของรัฐบาลจีนที่จะขยายการเติบโตของการค้าอีคอมเมิร์ซข้ามพร้อมแดน คือ ส่งเสริมการสร้างคลังสินค้าในต่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกกฎเพื่อส่งเสริมการก่อสร้างคลังสินค้าในต่างประเทศและขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
ประกาศของกระทรวงพาณิชย์ที่ครอบคลุมร่างกฎสำหรับอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนทั้งขาเข้าและขาออก ระบุว่า กระทรวงจะพยายามปรับปรุงการจัดการข้อมูลข้ามพรมแดน และเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลการส่งออกข้ามพรมแดน และบอกอีกว่า กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องจะปรับปรุงช่องทางการจัดหาเงินทุนให้ราบรื่น และช่วยให้บริษัทอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีนก้าวไปสู่ระดับโลก
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา หน่วยงานศุลกากรของจีนเผยแพร่ตัวเลขการค้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีนว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 มูลค่าการค้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของจีนรวมอยู่ที่ 1.22 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 6.05 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY)
หลิว ต้าเหลียง (Lyu Daliang) ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์สถิติและโฆษกสำนักบริหารศุลกากรทั่วไปของจีน กล่าวว่า ตัวเลขที่เติบโตขึ้นนี้ได้รับการส่งเสริมจากนโยบายสนับสนุนต่าง ๆ เช่น การจัดตั้งเขตนำร่องสำหรับการพัฒนาอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน และการอำนวยความสะดวกในการดำเนินพิธีการศุลกากร
“จีนจะเดินหน้าปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินพิธีการศุลกากรให้คล่องตัวยิ่งขึ้นในอนาคต และพัฒนาบริการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนต่อไป และบอกอีกว่า ขณะนี้ จีนกำลังดำเนินการส่งเสริมกลไกการตรวจสอบสินค้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนก่อนการขนส่ง และขยายแผนนำร่องการส่งคืนสินค้าอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนภายในเขตการค้าเสรี เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าและธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น” หลิวกล่าว
เมื่อพิจารณาจากแผนการส่งเสริมที่ทางการจีนวางแผนมาแล้วอย่างดี บวกกับความเชี่ยวชาญของบริษัทจีน และบวกกับคาดการณ์ที่ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกที่มีแนวโน้มจะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า ตามที่มีข้อมูลในรายงานของบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (Boston Consulting Group) ที่คาดการณ์ว่า อีคอมเมิร์ซจะกินสัดส่วนยอดขายปลีกทั่วโลก 41% ภายในปี 2027 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากที่มีสัดส่วน 18% ในปี 2017 และนักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าอีคอมเมิร์ซจะเป็นเครื่องยนต์ใหม่สำหรับการพัฒนาการค้าโลก
องค์ประกอบเหล่านี้ยิ่งเน้นย้ำให้เห็นภาพอนาคตว่า อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนจะขับเคลื่อนการส่งออกของจีนได้อีกมากมายมหาศาลเพียงใด
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 15 สิงหาคม 2567