บิ๊กเทค ชี้โลกป่วนไม่กระทบแผนลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ไทย
บิ๊กเทค-ยักษ์ลงทุนโลก ยังมั่นใจศักยภาพไทย เดินหน้าลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ต่อเนื่อง บีโอไอ ระบุมี 4-5 โครงการใหญ่จ่อคิวเข้าบอร์ดอนุมัติส่งเสริมลงทุน ระบุเงินสะพัดแล้วกว่า 3.8 แสนล้าน ล่าสุดยักษ์ลงทุนโลก GIP-BlackRock ผนึกซีพี ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ 1.75 แสนล้าน ขณะที่ “AWS-ไมโครซอฟท์” ย้ำเดินหน้าลงทุนไทยตามแผน
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในปีนี้ ยังจะมีโครงการลงทุนใหม่ด้านดาต้าเซ็นเตอร์ และคลาวด์เข้ามาไทยอีกมาก ซึ่งกำลังเตรียมนำเสนอบอร์ดบีโอไอ พิจารณาอีก 4-5 โครงการ ส่วนใหญ่มาจากประเทศสิงคโปร์ จีน ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา รวมทั้งของบริษัทไทย
ทั้งนี้กิจการ Data Center และ Cloud Service ในประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้ได้รับการส่งเสริม จำนวน 45 โครงการ เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 380,825 ล้านบาท โดยในส่วนของ Data Center มีบริษัทรายใหญ่ระดับโลกที่ได้รับการส่งเสริม เช่น Amazon Web Service (AWS), Google, Tiktok, GDS, Switch, NTT, One Asia, Telehouse, Equinix, NextDC, STT GDC รวมทั้งการลงทุนจากบริษัทรายใหญ่ในประเทศไทย เช่น กลุ่ม True และ GSA เป็นต้น สำหรับกิจการ Cloud Service มีรายใหญ่ เช่น Huawei, Alibaba Cloud, กลุ่ม True และล่าสุดคือ Siam AI ที่เป็นพันธมิตรกับ NVIDIA
นักลงทุนที่เข้ามารายล่าสุด คือ Global Infrastructure Partners (GIP) กลุ่มทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานภายใต้ BlackRock ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย มูลค่ากว่า 3-5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 105,000-175,000 ล้านบาท
โดยนายอาเดบาโย โอกุนเลสี ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธานและซีอีโอของ GIP และกรรมการผู้จัดการอาวุโส BlackRock กล่าวว่า GIP-BlackRock ประกาศร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เตรียมลงทุนมูลค่ามหาศาลกว่า 3-5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 105,000-175,000 ล้านบาท) ในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย โดยเฉพาะการพัฒนาศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อรองรับเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI, Big Data และ Cloud Services
“เราเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยมีความพร้อมทั้งในด้านภูมิศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และทรัพยากรมนุษย์ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเกื้อหนุนต่อการเติบโตในระยะยาว”
นายโอกุนเลสียังย้ำว่า “การลงทุนของ GIP ในประเทศไทยครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่โอกาสทางธุรกิจ แต่คือความร่วมมือที่มีเป้าหมายเพื่อร่วมสร้างระบบดิจิทัลที่มั่นคง มีเสถียรภาพ และยั่งยืน พร้อมวางรากฐานใหม่ให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลระดับภูมิภาค”
การลงทุนครั้งสำคัญนี้ไม่เพียงสร้างการจ้างงานใหม่จำนวนมากในกลุ่มวิศวกรรมและเทคโนโลยี แต่ยังช่วยเสริมศักยภาพของไทยในการแข่งขันในตลาดโลก สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คาดว่าจะมีมูลค่า 3.81 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567-2572 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 6.8%
สำหรับตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยโดยเฉพาะ มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 7.5%-8.5% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า นับเป็นโอกาสสำคัญที่จะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของอาเซียน
ขณะที่นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี กรุ๊ป กล่าวว่า “ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลและ AI ของภูมิภาคอาเซียน และกำลังเข้าสู่ยุคของ Giga Data Center ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับพลังงานระดับกิกะวัตต์ รองรับเวิร์กโหลดที่มีความเข้มข้นสูง ตอบสนองความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ต่างพากันเข้ามาลงทุนในไทย CP Group จึงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับนานาชาติอย่าง GIP และภาครัฐไทย เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศให้ตอบโจทย์การเป็นดิจิทัลฮับของอาเซียน เพิ่มทุนพัฒนามนุษย์ ตลอดจนโครงการวิจัย และพัฒนาที่จะต้องมีรองรับ สามารถยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับลูกหลานของไทยในด้านการศึกษา และการคิดค้นนวัตกรรม”
ด้านนายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส จำกัด (AWS) กล่าวกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ความผันผวนในหลายมิติของสถานการณ์โลกเป็นแรงผลักดันให้องค์กรต่างๆ ลงทุนในเทคโนโลยีคลาวด์และ AI มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดต้นทุน โดย AWS ยังคงเดินหน้าลงทุนใน “AWS Thailand Region” ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และ AI ในประเทศไทย ภายใต้แผนลงทุนระยะยาว 15 ปี รวมมูลค่า 1.95 แสนล้านบาท และยังไม่มีแผนทบทวนหรือลดการลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของตลาดไทย
AWS ย้ำพันธกิจเสริมสร้างอนาคตดิจิทัลของไทย ผ่านการขับเคลื่อนใน 3 แกนหลัก ได้แก่ เทคโนโลยี การทรานส์ฟอร์มธุรกิจ และการพัฒนาบุคลากร โดยมุ่งส่งเสริมการใช้งานคลาวด์ ดิจิทัลอินฟราสตรักเจอร์ และ AI พร้อมสนับสนุนให้องค์กรไทยใช้เทคโนโลยีทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อรับมือความเปลี่ยนแปลงและสร้างโอกาสใหม่ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะบุคลากร เนื่องจากคาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 ทักษะของบุคลากรกว่า 39% จะล้าสมัย จำเป็นต้องรีสกิลและอัปสกิลเพื่อเตรียมพร้อมรับอนาคต
สถานการณ์ความผันผวนระดับโลกยังส่งผลให้ลูกค้าประสบปัญหาในการจัดซื้ออุปกรณ์และต้องการระบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งบริการคลาวด์ของ AWS สามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างครบถ้วน รวมถึงกรณีปัญหาการขาดแคลน GPU สำหรับงานประมวลผล AI ที่ลูกค้าไม่สามารถจัดหาได้ง่าย AWS ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ มีความพร้อมในการจัดหา GPU เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และมองเห็นโอกาสจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไมโครซอฟท์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ไมโครซอฟท์ ยังเดินหน้าลงทุนในประเทศไทย ตามที่นายสัตยา นาเดลลา ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชัน ประกาศไว้ โดยแผนการลงทุนไทยใน ประกอบด้วย การตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และ AI ในไทย
ซึ่งขณะนี้ก็มีความคืบหน้า และอยู่ในกระบวนการดำเนินการ รวมไปถึงล่าสุดได้เดินหน้าโครงการพัฒนาทักษะด้าน AI ให้กับประเทศไทย ภายใต้โครงการ “THAI Academy ขับเคลื่อนอนาคต AI ประเทศไทย” ผ่านความร่วมมือกับภาครัฐ และหน่วยงานต่างๆ โดยตั้งเป้าพัฒนาบุคลากรด้าน AI ในไทยประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งก็ถือเป็นการยืนยันการลงทุนในไทย ภายใต้งบลงทุนเบื้องต้น 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34 ล้านบาท
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 16 พฤษภาคม 2568