สถานการณ์ Food Waste ในธุรกิจค้าปลีกไทย
ธุรกิจค้าปลีกในไทยเผชิญปัญหาอาหารเหลือทิ้ง (Food Waste) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2% ของปริมาณขยะอาหารทั้งประเทศ หรือประมาณ 184,454 ตันต่อปี สาเหตุเกิดจากวัตถุดิบที่ตัดแต่ง วัตถุดิบเน่าเสียจากการเก็บนาน และอาหารที่ขายไม่หมด
ข้อมูลภาพรวมของประเทศ :
การวิเคราะห์ปริมาณขยะอาหารระดับชาติ โดย Food Waste Hub Thailand พบว่า ประเทศไทยมีปริมาณขยะอาหารเท่ากับ 12,185,215 ตัน/ปี โดยการบริโภคของครัวเรือนก่อให้เกิดขยะอาหารสูงสุดเท่ากับ 9,406,592 ตัน/ปี (77%) รองลงมาคือ ร้านอาหาร เท่ากับ 1,417,734 ตัน/ปี (12%) สถานศึกษา 508,391 ตัน/ปี (4%) ตลาดสด 411,691 ตัน/ปี (3%) โรงแรม 256,353 ตัน/ปี (2%) และร้านค้าปลีก 184,454 ตัน/ปี (2%)
จากการศึกษา ยังพบอีกว่า ประเทศไทยมีดัชนีขยะอาหารเท่ากับ 142 กก./คน/ปี โดยการบริโภคของครัวเรือนมีค่าดัชนีขยะอาหารสูงสุดเท่ากับ 97 กก./คน/ปี (68%) รองลงมาคือ การบริการด้านอาหาร (เช่น ร้านอาหาร โรงแรม สถานศึกษา) เท่ากับ 29 กก./คน/ปี (20%) และการจัดจำหน่ายอาหาร (เช่น ร้านค้าปลีก และตลาดสด) เท่ากับ 16 กก./คน/ปี (12%)
พฤติกรรมและปัจจัยที่เป็นสาเหตุของการเกิดขยะอาหาร :
โดยทั่วไป กระบวนการบริโภคของครัวเรือน ขยะอาหารเกิดขึ้นในขั้นตอน
1)การจัดเก็บวัตถุดิบ
2)การเตรียมวัตถุดิบ
3)การปรุงวัตถุดิบ และ
4)การรับประทานอาหาร
ผลจากการวิเคราะห์พบว่า ขั้นตอนการรับประทานอาหารเป็นสาเหตุหลักในการเกิดขยะอาหาร เกิดจากการที่ครัวเรือนต้องการรับประทานอาหารที่หลากหลายแต่ทานไม่หมด ซื้ออาหารมาในปริมาณมากเกินความต้องการ ไม่ทานวัตถุดิบบางอย่างในจาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังเกิดจากการที่ซื้ออาหารพร้อมรับประทานมาแต่รสชาติไม่ถูกปากจึงทิ้ง
รองลงมา เป็นขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ (เศษวัตถุดิบที่ไม่สามารถทานได้ เช่น รากของผักบางชนิด เปลือกกระเทียม เปลือกไข่ เกล็ดปลา) ขั้นตอนการปรุงวัตถุดิบ (เกิดขณะเทน้ำทิ้ง เช่น น้ำซาวข้าว น้ำต้มเส้นสปาเก็ตตี้ อาหารที่ปรุงเกิดตกลงในอ่างล้างจาน) เป็นสาเหตุในการเกิดขยะอาหาร ขั้นตอนการจัดเก็บวัตถุดิบ ขยะอาหารเกิดจาก การซื้อวัตถุดิบมาจำนวนมากเกินไป ทำให้รับประทานไม่ทันเกิดการเน่าเสีย
สถานการณ์ Food Waste ในธุรกิจค้าปลีกของไทย :
ร้านค้าปลีกเป็นแหล่งกำเนิดขยะอาหารประมาณ 184,454 ตัน/ปี คิดเป็น 2% ของปริมาณขยะอาหารทั้งหมดในประเทศไทย ขยะอาหารในธุรกิจค้าปลีกเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ การตัดแต่งวัตถุดิบ-ส่วนที่เหลือจากการเตรียมวัตถุดิบ, วัตถุดิบหมดอายุ-อาหารที่เก็บไว้นานเกินกว่าจะบริโภคได้และเน่าเสีย, อาหารที่ขายไม่หมด- สินค้าที่หมดอายุการขายหรือมีปริมาณเกินกว่าความต้องการ
ช่องทางในการจัดจำหน่าย :
อาหาร ประกอบด้วย ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด ขยะอาหารเกิดขึ้นในขั้นตอน
1)จำหน่ายวัตถุดิบ และ
2)จำหน่ายอาหารปรุงสุก
ผลจากการวิเคราะห์พบว่า
ส่วนที่ 1 :
โซนจำหน่ายวัตถุดิบ สาเหตุหลักเกิดจากการที่ไม่สามารถคาดคะเนจำนวนลูกค้า ทำให้สำรองวัตถุดิบมากเกินไป (28%) รองลงมาคือ คุณภาพของวัตถุดิบไม่เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า (22%) และไม่มีระบบการส่งเสริมการขาย ลดราคาวัตถุดิบที่ใกล้หมดอายุ (20%) ไม่มีระบบควบคุมความเย็นที่ดีพอ (17%) และขาดนโยบายมาก่อนขายก่อน (12%)
ส่วนที่ 2 :
โซนจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จรูป สาเหตุหลักเกิดจากอาหารเหลือจากการจำหน่าย เนื่องจากไม่สามารถคาดคะเนความต้องการของลูกค้าได้ (27%) รองลงมาคือ การตัดแต่งวัตถุดิบเพื่อความสวยงามของอาหาร (25%) และไม่มีระบบการจัดเก็บอาหารที่เหมาะสม ทำให้เกิดการเน่าเสียก่อนนำไปจำหน่าย (18%) และขาดการวางแผนเมนูอาหารสำเร็จรูป ไม่มีการศึกษาความต้องการของลูกค้า (18%) และไม่มีระบบส่งเสริมการขาย (12%)
ปัญหาและอุปสรรคในการจัดการขยะอาหาร :
ข้อมูลปริมาณขยะอาหารจากการตรวจวัดจริงพบว่า มีปริมาณขยะอาหารเฉลี่ยเท่ากับ 32 กก./แห่ง/วัน โดยมีปริมาณขยะอาหารจากร้านค้าปลีก แบ่งเป็นอาหารสดและอาหารแห้งจากโซนจำหน่ายวัตถุดิบ 24 กก./แห่ง/วัน (76%) และโซนจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จรูป 8 กก./แห่ง/วัน (24%)
จากการสำรวจข้อคิดเห็น พบว่าการคัดแยกขยะอาหารนั้นต้องใช้แรงงานคนและเวลาเป็นปัญหาและอุปสรรคหลักในการจัดการขยะอาหาร (39%) รองลงมาคือ ไม่ได้มีการนำขยะอาหารที่คัดแยกแล้ว ไปใช้ประโยชน์ทำให้ขาดแรงจูงใจในการคัดแยก (36%) และการคัดแยกขยะอาหารมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น (18%) ดังนั้นควรมีการเสริมความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะอาหารและวิธีการจัดการขยะอาหารให้แก่ร้านค้าปลีก
สรุปแบบไม่สรุป ธุรกิจค้าปลีกกำลังให้ความสำคัญกับปัญหา Food Waste มากขึ้น โดยมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อแก้ไข ตัวอย่าง เช่น บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด กรุ๊ป ร่วมมือกับ Smartway นำเทคโนโลยี AI มาใช้ทดสอบโซลูชันเพื่อช่วยในการจัดการและลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง
การจัดการอาหารส่วนเกิน (Food Surplus) มีการหาแนวทางในการจัดการกับอาหารส่วนเกิน เช่น การนำไปบริจาคให้กับผู้ที่ขาดแคลนอาหาร หรือการนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ
การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ จับมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการอาหารเหลือทิ้ง เพื่อพัฒนากลยุทธ์และโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจค้าปลีก
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 3 ตุลาคม 2568