อิสราเอล ยกระดับการแพทย์และสุขภาพ ด้วยเทคโนโลยี
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 อัครราชทูต ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เข้าร่วมงาน 8th Ambassadors Summit ซึ่งมีการบรรยายทางวิชาการในหัวข้อ Innovating Digital Health: Artificial Intelligence (Al) & Health Care Systems โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการแพทย์และแนวทางการดูแลรักษาคนไข้ภายหลังสถานการณ์ระบาดโควิด-19 กล่าวถึงการให้ความสำคัญต่อการให้บริการสุขภาพของภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการและภาคส่วนอื่นๆ และแนวโน้มของการให้บริการสุขภาพจะเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ส่งผลให้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – Al) จะเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีทางการแพทย์ เนื่องจากร่างกายมนุษย์มีความละเอียดซับซ้อนและมีอาการเจ็บป่วยหรือความผิดปกติที่แตกต่างกัน
โดยการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่จะเน้น Metaboloinformatics โดยเป็นการค้นหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพภายใต้การตรวจวิเคราะห์ในระดับโมเลกุล เพื่อหาสารประกอบหรือสารตัวกลางที่มีความแตกต่างทางโครงสร้างเคมี เป็นตัวจัดจําแนก (classifier) ของโรคหรือความผิดปกติต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้การตรวจรักษารวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยของเหลวในร่างกายต่าง ๆ เช่น โลหิต น้ําตา น้ำลาย เหงื่อ มีสารประกอบในระดับโมเลกุลที่สามารถนํามาเป็นตัวชี้วัดทางการแพทย์ได้มากกว่า 5,000 รายการ แต่เทคโนโลยีการตรวจผลเลือดในปัจจุบันสามารถบ่งบอกค่าความผิดปกติต่าง ๆ ได้เพียง 20-30 รายการเท่านั้น ทั้งนี้ The Blavatnik Center for Drug Discovery ที่เป็นศูนย์การศึกษาด้าน Metaboloinformatics ที่สําคัญแห่งหนึ่งของโลกตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ อิสราเอลอีกด้วย
นอกจากนี้ ในการบรรยายมีการกล่าวว่า การให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนยุคใหม่จะเป็นไปในลักษณะ Tele Medicine มากขึ้น โดยอาศัยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยให้การดูแลรักษาสุขภาพผู้ป่วยมีความสะดวก รวดเร็ว และช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมของผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลได้มากขึ้น โดยโรงพยาบาล Sheba ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุดของอิสาราเอล และ 1 ใน 10 ของโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก มีวิสัยทัศน์ชื่อ ARC (Accelerate, Redesign and Collaborate) ซึ่งนําร่องการใช้นวัตกรรมด้านสุขภาพดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์ทางการแพทย์ได้กําหนดให้ Tele Medicine เป็นหนึ่งในประเด็นสําคัญที่ต้องศึกษาและดําเนินการ
อีกทัง การโจมตีทางไซเบอร์ต่อสถานพยาบาลจะมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากทุกภาคส่วน ของสถานพยาบาลมีความเกี่ยวข้องกับการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ซึ่งผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถโจมตีทางไซเบอร์สถานพยาบาลเพื่อเรียกค่าไถ่ได้ เช่น การนําข้อมูลส่วนตัวจากระบบข้อมูลผู้ป่วยไปเผยแพร่หรือทําลาย การเข้าถึงระบบการนัดหมายและทําการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงการนัดหมายคนไข้ การเข้าล็อกระบบการเงิน ระบบข้อมูลบุคลากร หรือระบบภายในอื่นๆ เพื่อสร้างความวุ่นวายและความเสียหาย โดยในระยะ 4 เดือนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ต่อสถานพยาบาลต่างๆ ใน 43 ประเทศทั่วโลกแล้วกว่า 501 ครั้ง และในรอบปีมีอัตราการโจมตีทางไซเบอร์ต่อสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วโลกสูงขึ้น 105% จากปีที่ผ่านมา ดังนั้น ความเตรียมพร้อมในการป้องกัการโจมตีทางไซเบอร์สําหรับสถานพยาบาลจึงเป็นเรื่องที่สําคัญ
อิสราเอลเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญต่อนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์ ภาครัฐ ภาคเอกชนและภาควิชาการจึงได้มีการสนับสนุนงบประมาณสําหรับการพัฒนา Start Ups โดยตั้งเป้าหมายให้อิสราเอลเป็นประเทศมหาอํานาจในด้าน AI ภายใน 5 ปี ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยอาจพิจารณาเรียนรู้นวัตกรรมด้านการแพทย์ รวมถึงนวัตกรรมการเฝ้าระวัง ทางไซเบอร์ของอิสราเอลเพิ่มเติม เพื่อคงความเป็นเลิศทางการแพทย์ต่อไปในอนาคต (ข้อมูล : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ)
ที่มา globthailand
วันที่ 16 มกราคม 2566