แนะรัฐเร่งแก้ปมเศรษฐกิจ ทำการเมืองนิ่งดึงนักลงทุน
หอการค้าไทย-สภาหอการค้า ผนึกกำลังสร้างเชื่อมั่นประเทศ เสนอ 3 แนวทาง แก้ปัญหา "ปากท้อง-ท่องเที่ยว-เร่งเบิกจ่ายงบฯ" มั่นใจมีรัฐบาลใหม่ช่วยฟื้นตัวเลขส่งออก-จีดีพี คาดปีหน้ามีโอกาสโต 3% และ 5% ตามลำดับ เตรียมรวบรวมความเห็นหอทั่วประเทศ ทำสมุดปกขาวเสนอนายกฯ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ สมาคมการค้าและหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย จัดงานสัมมนาใหญ่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประจำปี 2023 ภายใต้ธีม Connect Competitive Sustainable มีเอกชนและหอต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 40 ประเทศ รวมไปถึงสมาคมการค้า และหอการค้าจังหวัด ทั้งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล แสดงความคิดเห็น รวมไปถึงสร้างความมั่นใจให้กับเอกชนและผู้ประกอบการว่าประเทศไทยนั้น ได้มีรัฐบาลและพร้อมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและนโยบายของไทย
สภาหอการค้าฯ คาดหวังว่าเอกชน หอต่างประเทศจะนำข้อมูลที่มีการพูดคุยกันในวันนี้ (5 กันยายน 2566) ไปพูดให้กับเจ้าของประเทศ ผู้ประกอบการ นักลงทุนในประเทศว่าไทยมีความพร้อม รวมไปถึงเอกชนและรัฐบาลยังมีแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งภาคเอกชนไทยให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะความยั่งยืนทางด้านเศรษฐกิจ หรือ sustainable
แนะรัฐบาลแก้ 3 เรื่องหลัก :
ทั้งนี้ สภาหอการค้าไทยและหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้ความสำคัญแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ 3 แนวทาง ได้แก่
1) การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และลดต้นทุนภาคเอกชนทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า ที่ยังอยู่ในระดับสูง และปัญหาที่กระทบต่อการแข่งขันและการส่งออกของไทย รวมทั้งการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ
2) เร่งเสริมความโดดเด่นภาคการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้าย และถือเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกเรื่องการทำวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนให้รวดเร็ว และการเพิ่มเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น และ
3) เร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างท่ออยู่ และจัดทำงบประมาณรายจ่าย 2567 ให้เกิดความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนแผนงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตลอดจนเร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ ๆ จากต่างชาติ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน และเป็นผลดีต่อตัวเลขการส่งออกในอนาคต
พร้อมกันนี้ สภาหอการค้าไทยและหอการค้าแห่งประเทศไทย จะรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการสัมมนา นำไปรวมกับความคิดเห็นและข้อมูล ที่จะมีการประชุมหอการค้าทั่วประเทศในเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้ มาร่วมกับหารือและสรุปแนวทาง ข้อเสนอแนะต่าง ๆ รวมเป็นสมุดปกขาวยื่นให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป
เร่งยกเว้นวีซ่าจีน-ดึงนักลงทุน :
นายสนั่นย้ำว่า แนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งด้านการท่องเที่ยว เกษตร และบริการ เป็นสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งเดินหน้า และต้องขอบคุณที่รัฐบาลได้ดำเนินการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยยกเว้นวีซ่าให้กับคนจีน ซึ่งจะเริ่มในเดือนตุลาคม 2566 นี้ ซึ่งเชื่อว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น และจะสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศไทยได้ในปลายปีนี้
นอกจากนี้ ยังมองว่าปัญหาเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ แม้จะกระทบต่อเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัว เกิดปัญหาระหว่างประเทศ ทำให้นักลงทุนต้องหาการลงทุนใหม่เพื่อการส่งออก เป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะดึงการลงทุนเข้าประเทศ แต่สิ่งที่ต้องขอเรื่องเดียว คือ การเมืองต้องนิ่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เพื่อให้เกิดการจ้างงาน การลงทุน การส่งออก รายได้เข้าประเทศ
มั่นใจปีหน้าส่งออกโต 3% :
สำหรับการส่งออกไทยในปี 2566 แม้การส่งออกที่ผ่านมา 7 เดือนจะติดลบ 5.5% ซึ่งก็มีความกังวลว่าการส่งออกไทยทั้งปีจะไม่ดี แต่สภาหอการค้าฯเชื่อว่าการส่งออกไทยในไตรมาส 4 จะกลับมาเป็นบวก และยังเชื่อว่าการส่งออกทั้งปีจะติดลบไม่เกิน 2% หรืออาจจะติดลบ 1% หรือไม่ติดลบก็ได้ สำหรับการส่งออกในปี 2567 หลังจากที่ประเทศมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศแล้ว เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะทำงานเชิงรุก เดินหน้ากิจกรรมส่งเสริมการส่งออก บุกตลาด เช่น ตะวันออกกลาง อียู ถ้าสำเร็จ การส่งออกปีหน้าโตแน่นอน อาจจะบวก 3% หรือเกินกว่านั้นก็ได้ และจะทำให้จีดีพีของไทยมีโอกาสขยายตัว 5%
“เมื่อเศรษฐกิจดีก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ ก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปี 2566 นี้ เชื่อว่าจะขยายตัวได้ 3%” นายสนั่นกล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน คือ การลดค่าครองชีพ ปัญหาปากท้อง ลดค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า และตนก็ขอให้มีการตั้ง กรอ.พลังงาน เพื่อให้เอกชน ภาครัฐได้ทำงานร่วมกันและ ใกล้ชิดกันมากขึ้น เพื่อช่วยขับเคลื่อนและแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อีกทั้งขอให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ ล่าสุด สภาหอการค้าฯและหอการค้าไทย ก็มีการหารือและจะขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คาดว่าจะเร็ว ๆ นี้ ส่วนที่จะหารือเรื่องใดนั้น เบื้องต้น การที่มี กรอ.พาณิชย์ ก็ต้องการให้มีต่อไป และเพื่อการดึงดูดการลงทุน การประกอบธุรกิจ ก็ต้องการให้มีการแก้กฎหมาย กฎระเบียบที่ล้าสมัย นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อและการทำธุรกิจ
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น สิ่งที่กังวลก็คงจะเป็นเรื่องของงบประมาณ การนำเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อมองว่าเป็นเรื่องที่ใหม่มาก แต่ทั้งนี้ หากทำสำเร็จก่อนสงกรานต์จะช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจได้ 5 แสนล้านบาท เพราะก่อนการเลือกตั้งประชาชนไม่มีเงิน การจับจ่ายใช้สอยในต่างจังหวัดไม่ค่อยมี หากมีเม็ดเงินนี้เข้าระบบจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยชาวบ้านมีเงินจับจ่ายซื้อสินค้า โดยเฉพาะในช่วงเปิดเทอม
“ต้องชมอดีตนายกฯก็ทำสำเร็จ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กับโครงการคนละครึ่ง มีการสร้างแพลตฟอร์มแอปเป๋าตังขึ้นมา มีข้อมูลประชาชนที่เดือดร้อน 40 ล้านคน จากข้อมูลทั้งหมด จะทำให้เราเข้าถึงปัญหาของประชาชน และจะทำให้รัฐบาลสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ตรงจุดและตรงประเด็นมากขึ้น อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหากมาตรการดังกล่าวเดินหน้าไปได้ก็จะทำให้เศรษฐกิจปี 2567 เติบโตได้ และจะเห็น 5% ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เอกชนคาดหวัง”
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 6 กันยายน 2566